ในครึ่งแรกปี 58 ความไม่แน่นอนในระบบเศรษฐกิจโลกและราคาสินค้าเกษตรที่อยู่ในระดับต่ำส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่องต่อการฟื้นตัวของภาคส่งออกของไทย ขณะที่การบริโภคภาคครัวเรือนและการลงทุนภาคเอกชนฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้โดยภาคธุรกิจยังคงชะลอการลงทุนใหม่ออกไปเพื่อรอสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ชัดเจนขึ้น แม้จะมีการเร่งตัวของการลงทุนภาครัฐและการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว
ปัจจัยเหล่านี้ได้ส่งผลให้สินเชื่อของธนาคารขยายตัวเล็กน้อยจากปี 57 โดยเพิ่มขึ้น 7,383 ล้านบาทหรือ 0.4% เป็น 1,789,616 ล้านบาท ณ สิ้นเดือน มิ.ย.58
ด้านคุณภาพเงินให้สินเชื่อ ณ สิ้นเดือน มิ.ย.58 ธนาคารมีสินเชื่อด้อยคุณภาพจำนวน 55,126 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ 2.5% เพิ่มขึ้นจาก 2.2% ณ สิ้นเดือน มี.ค.58 ซึ่งเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงเน้นการบริหารความเสี่ยงด้านคุณภาพสินเชื่อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ด้วยการให้คำปรึกษาและความช่วยเหลือลูกค้าอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง อีกทั้งธนาคารมีเงินสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในระดับสูงซึ่งจะช่วยรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจได้
สำหรับงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.58 ธนาคารมีค่าใช้จ่ายหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 5,901 ล้านบาท ทำให้ธนาคารมีอัตราส่วนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพคิดเป็น 170.4% และมีอัตราส่วนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อรวมที่ 5.2%
ด้านสภาพคล่อง ธนาคารยังคงเน้นการบริหารสภาพคล่องให้เพียงพอต่อความต้องการเงินทุนของลูกค้า ณ สิ้นเดือน มิ.ย.58 ธนาคารมีเงินฝากจำนวน 2,128,102 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69,323 ล้านบาท หรือ 3.4% จากสิ้นปี 57 ส่งผลให้ ธนาคารมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากลดลงจาก 86.6% ณ สิ้นปี 57 เป็น 84.1% ณ สิ้นไตรมาส 2/58
ในครึ่งแรกปี 58 ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจ นวน 27,452 ล้านบาท และมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 2.08% ลดลงจาก 2.37% ในครึ่งหลังปี 57 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ลดลง และส่วนหนึ่งเป็นผลจากต้นทุนและปริมาณเงินฝากเพิ่มขึ้นมากกว่าการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนสินเชื่อและปริมาณสินเชื่อ
รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในครึ่งแรกปี 58 มีจำนวน 22,135 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,181 ล้านบาท หรือ 23.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิจากเงินลงทุนจำนวน 2,485 ล้านบาท และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 1,331 ล้านบาท หรือ 12.7% ซึ่งส่วนมากเพิ่มขึ้นจากค่าธรรมเนียมจากการรับประกันการจัดจำหน่ายตราสารทางการเงิน ค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจำหน่ายและจัดการกองทุนรวม และค่าธรรมเนียมจากธุรกิจหลักทรัพย์
ธนาคารมีค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานในครึ่งแรกปี 58 จำนวน 21,959 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,587 ล้านบาท หรือ 7.8% จากช่วงเดียวกันปี 57 โดยส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน และค่าใช้จ่ายเพื่อการปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ธนาคารมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 44.3% เพิ่มขึ้นจาก 43.4% ในครึ่งแรกปี 57
ด้านเงินกองทุน หากนับรวมกำไรสุทธิสำหรับงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.58 เข้าเป็นเงินกองทุนอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยจะอยู่ในระดับประมาณ 18.5% 16.4% และ 16.4% ตามลำดับ
ส่วนของเจ้าของ ณ วันที่ 30 มิ.ย.58 มีจำนวน 349,823 ล้านบาท คิดเป็น 12.2% ของสินทรัพย์รวม และมูลค่าตามบัญชีเท่ากับ 183.27 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 13.80 บาท จากสิ้นปี 57