นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ศุภาลัย (SPALI) เปิดเผยว่า บริษัทได้หยุดการเปิดโครงการใหม่ในต่างจังหวัดเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น เนื่องจากปัจจุบันภาวะอสังหาริมทรัพย์ในต่างจังหวัดชะลอตัวจนกระทบต่อยอดขาย ทำให้ในช่วงครึ่งแรกปีนี้มียอดขายอยู่ที่ระดับ 8.5 พันล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งเป้าไว้เล็กน้อย ขณะที่ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดโครงการในต่างจังหวัดจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเป้ายอดขาย(Pre-sale)ในปีนี้ไว้ที่ 2.3 หมื่นล้านบาท โดยครึ่งปีหลังจะเปิดโครงการใหม่เพิ่มอีก 14 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 1.9 หมื่นล้านบาทในกรุงเทพฯและปริมณฑล แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 9 โครงการ มูลค่ารวม 9 พันล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามแผนปีนี้ที่จะเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 27 โครงการ มูลค่ารวม 3.11 หมื่นล้านบาท
สำหรับมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) มีกว่า 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในครึ่งปีหลังกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ไปถึงปี 60 ขณะที่บริษัทยังมั่นใจว่ารายได้ไนปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2.2 หมื่นล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกบริษัทรับรู้รายได้จากการโอนโครงการไปแล้วราว 1 หมื่นล้านบาท
ส่วนงบซื้อที่ดินของบริษัทในปีนี้ที่ตั้งไว้ 6 พันล้านบาท ครึ่งปีแรกได้ใช้ไปแล้ว 3 พันล้านบาท โดยซื้อที่ดิน 1 แปลงในกรุงเทพฯ ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทยังคงเน้นการซื้อที่ดินในกรุงเทพฯและปริมณฑล เนื่องจากศักภาพการเติบโตของอสังหาริทรัพย์ในกรุงเทพฯและปริมณฑลมากกว่าต่างจังหวัดที่เริ่มชะลอตัว อีกทั้งปัจจุบันยอดขายโครงการแนวราบของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่ายอดขายคอนโดมิเนียม ซึ่งในครึ่งปีแรกยอดขายโครงการแนวราบปรับตัวเพิ่มขึ้น 16%
ด้านอัตราการปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ของบริษัทในครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 6.5% จากสิ้นปีก่อนที่ 6% เนื่องจากลูกค้าภาคธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางที่มาซื้อโครงการของบริษัทได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว ทำให้ธนาคารพาณิชย์มีความเข้มงวดในการปล่อยกู้ และประเมินความสามารถในการชำระหนี้ไม่ถึงเกณฑ์ของธนาคารที่ตั้งไว้ แต่อย่างไรก็ตามบริษัทยังไม่มีการปรับวงเงินดาวน์ขั้นต่ำเพิ่มขึ้นจาก 10% ของราคาโครงการที่ลูกค้าซื้อ