แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าช่วงครึ่งปีหลังผลประกอบการจะออกมาดีกว่าครึ่งปีแรก หลังจากโรงงานเดินเครื่องผลิตได้เต็มที่ตั้งแต่เดือน ก.ค.เป็นต้นไป โดยในช่วงครึ่งปีหลังจะใช้กำลังการผลิตได้สูงถึง 80%
"เราปรับลดเป้าหมายการเติบโตของรายได้ลง หลังได้รับผลกระทบจากทั้งภายในและภายนอกบริษัทฯ ในขณะเดียวกันภาพรวมเศรษฐกิจและการบริโภคในประเทศถดถอยอย่างรุนแรง แต่เรายังมั่นใจว่าผลประกอบการปีนี้ก็ยังเติบโตกว่าปีก่อน โดยจะเริ่มดีขึ้นตั้งแต่เดือน ก.ค.เป็นต้นไป หลังจากที่เราเริ่มใช้กำลังการผลิตได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น และเราได้คำสั่งซื้อล่วงหน้าเข้ามาแล้วจำนวนหนึ่ง"นายชาญกฤช กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจอัตรากำไรสุทธิปีนี้จะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 5% สูงกว่าปีก่อนที่ทำได้ 4.64% เนื่องจากบริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนได้ค่อนข้างดี และมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 500 ตันข้าวสาลี/วัน ขณะเดียวกันบริษัทคาดว่าอัตรากำไรสุทธิในปี 59 จะเพิ่มขึ้นเป็น 8-10% หลังจากใช้กำลังผลิตเฟส 2 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และใช้กำลังการผลิตรวมเกิน 70% ซึ่งทำให้บริษัทฯได้ประโยชน์การประหยัดจากขนาด(economy of scale)
"ปีนี้เราจะเริ่มเห็นอัตรากำไรสุทธิที่ดีขึ้น หลังกำลังการผลิตเพิ่ม และเราสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ค่อนข้างดี หลังเราได้ปรับเปลี่ยนการจัดเก็บวัตถุดิบจากเดิมที่เป็นการเช่าโกดังที่ไม่ใช่ระบบปิด แต่เราได้หันมาลงทุนสร้างโกดังเองเพื่อทำให้เป็นระบบปิดช่วยลดความเสียหายที่เกิดขึ้นกับวัตถุดิบ และช่วยลดต้นทุนการขนส่งจากเดิมที่ใช้รถในการขนส่ง แต่ปรับมาเป็น สายพาน ขณะที่ราคาน้ำมันลดลง ทำให้วัตถุดิบที่มาจาก สหรัฐฯ 60% และจากออสเตรเลีย 30-40% มีต้นทุนการขนส่งที่ต่ำลงด้วย"นายชาญกฤช กล่าว
นายชาญกฤช กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เพื่อร่วมลงทุนผลิตสินค้าเพื่อการต่อยอดจากผลิตภัณฑ์เดิมที่มีมาจิ้นสูง ซึ่งยังไม่สามารถคาดการได้ว่าจะได้ข้อสรุปเมื่อได โดยบริษัทฯศึกษาและเจรจาในทุกรูปแบบทั้งการขายหุ้นแบบบิ๊กล็อต การร่วมลงทุน และการแลกหุ้น TMILL
"เราอยู่ระหว่างเจรจากับผู้ที่สนใจลงทุนกับเราในทุกรูปแบบ ซึ่งเราจะให้เข้ามามีส่วนร่วมในการเปิดโรงงานใหม่เพื่อผลิตสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง และเป็นสินค้าที่ไม่ทับไลน์การผลิตของลูกค้าบริษัทฯ แต่เราไม่ได้รีบ และไม่ได้กำหนดระยะเวลาที่จะสรุปดีลดังกล่าว แต่เราตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะเกิดขึ้นภายใน 3 ปีนี้"นายชาญกฤช กล่าว
สำหรับกรณีที่ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติการเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิม(RO)จำนวน 114 ล้านหุ้น เตรียมเสนอเข้าที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 27 ส.ค.58 คาดว่าจะได้รับการอนุมัติ และจะสามารถระดมทุนได้แล้วเสร็จภายในไตรมาส 4/58 น่าจะระดมทุนได้ราว 180-200 ล้านบาท ซึ่งจะนำเงินที่ได้ทั้งหมดไปชำระหนี้ที่กู้ยืมมาจากสถาบันทางการเงินเพื่อลดภาระดอกเบี้ยลงเหลือราว 8-10 ล้านบาท/ปี จาก 20 ล้านบาท/ปี