นอกจากนั้น บริษัทก็ยังให้ความสำคัญเกี่ยวกับธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักด้วย
"ก่อนหน้านี้เรายังไม่เคยให้ข่าวเกี่ยวกับการลงทุนโครงการพลังงานเพราะเห็นว่ายังไม่มีความคืบหน้า แต่เมื่อมีคนมาเสนอเราก็ได้ศึกษาการเข้าลงทุนในโครงการโซล่าร์ฟาร์มที่เป็นผู้มีใบอนุญาตเข้ามาเสนอให้เราเข้าไปร่วมลงทุน แต่หลังจากที่เราเข้าไปศึกษาแล้วพบว่าได้ผลตอบแทนที่ไม่คุ้มค่า และมีระยะเวลาที่จะถึงจุดคุ้มทุนมากกว่าระดับปกติที่ประมาณ 6-7 ปี ทำให้เรายกเลิกโครงการนี้ไป แต่เราก็ยังเปิดกว้างหากมีโครงการที่ให้ผลตอบแทนที่คุ้ม"นายชัยสิทธิ์ กล่าว
นายชัยสิทธิ์ เปิดเผยอีกว่า บริษัทยังมั่นใจว่ากำไรสุทธิปีนี้จะมากกว่าปีก่อนที่ทำได้กว่า 40 ล้านบาท แม้ว่าอัตรากำไรสุทธิปีนี้อาจจะลดลงราว 1% จากปีก่อนที่มีอัตรากำไรสุทธิที่ราว 6% ซึ่งเป็นผลกระทบจากการออกแคมเปญการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายและการรับรู้แบรนด์สินค้าในปีนี้
ขณะเดียวกันบริษัทยังมั่นใจว่ารายได้จะเติบโต 10% จากปีก่อนตามเป้าหมาย แม้ว่าตลาดในประเทศจะค่อนข้างซบเซา แต่มั่นใจว่าด้วยแผนธุรกิจที่กระจายความเสี่ยงไปยังตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้นจะช่วยผลักดันให้รายได้เติบโต นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งเน้นการบริหารจัดการด้านต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
"จากการที่เรามีการทำแคมเปญเพื่อกระตุ้นยอดขายอาจจะทำให้อัตรากำไรสุทธิปีนี่ลดลงจากปีก่อนประมาณ 1% แต่เรายังมัน่ใจว่ากำไรสุทธิปีนี่จะมากกว่าปีก่อน ซึ่งเป็นการเติบโตตามยอดขายที่เพิ่ทขึ้น และจากเศรษฐกิจที่มีการชะลอตัวอย่างต่อเนื่องบริษัทจึงเน้นการขยายตลาดไปต่างประเทศมากขึ้น คาดว่าสัดส่วนรายได้ต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น 50-60% จากปีก่อนที่ 50% นอกจากนี้ในภาวะเศรษฐกิจที่มีความซบเซา เราก็ยังมุ้งเน้นกลยุทธ์การบริหารจัดการต้นทุน และการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก"นายชัยสิทธิ์ กล่าว
ปัจจุบัน บริษัทส่งออกไปยังมาเลเซีย ลาว พม่า และฟิลิปปินส์ นอกจากนั้น ล่าสุด บริษัทได้สัญญาระยาว 3 ปี จากอินเดียที่จะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 3/58 และทยอยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังอยู่ระหว่างหาตลาดใหม่ๆเพิ่มเติมเพื่อสร้างโอกาสการเติบโตของธุรกิจ มุ่งเน้นตลาดในภูมิภาคเอเชียเป็นหลัก คาดว่าจะเห็นลูกค้ารายใหม่เข้ามาในปี 59 ทั้งการส่งสินค้าเข้าไปจำหน่าย และการรับจ้างผลิตสินค้า