จากการประกาศผลการจัดอันดับผ่านเว็บไซต์ของฟอร์จูนระบุว่า ถึงแม้ ปตท.ต้องเผชิญกับปัญหาทางการเมืองอันส่งผลกระทบให้เกิดการปิดล้อมอาคารสำนักงานใหญ่เมื่อต้นปีนี้แต่ที่เป็นปัญหาต่อการดำเนินงานของ ปตท.อย่างแท้จริงนั้นคือผลกระทบต่อการดำเนินงานจากการปรับตัวลดลงอย่างมากของราคาน้ำมัน และทำให้ในปีที่ผ่านมา ปตท.มีกำไรลดลงร้อยละ 44 มาอยู่ที่ 1,718 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีรายได้ลดลงร้อยละ 5 มาอยู่ที่ 87,299 ล้านเหรียญสหรัฐ
อย่างไรก็ดี ความพยายามด้านงานวิจัยและพัฒนาอย่างจริงจัง และส่วนสนับสนุนที่ดีขององค์กรนั้นเป็นจุดแข็งที่ช่วยให้ ปตท.ยังคงมีการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง
นายไพรินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ถึงแม้ในช่วงที่ผ่านมาจะเกิดสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองทั้งภายในและภายนอกในหลายประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจ แต่การที่ ปตท.ยังมีอันดับทรงตัวโดยใกล้เคียงกับอันดับในปีก่อนหน้านี้นั้น เกิดจากการทุ่มเททำงานหนักของทั้งผู้บริหารและพนักงานกลุ่ม ปตท.รวมถึงศักยภาพของการบริหารงานของคณะกรรมการบริษัท และการสนับสนุนที่ดีจากผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม การที่บริษัทไทยติดอันดับนั้นสะท้อนถึงขีด ความสามารถของประเทศในการสร้างความเชื่อมั่นในกลุ่มนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศอีกด้วย
แม้ ปตท.จะได้รับการจัดอันดับที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดถึงศักยภาพการบริหารงานที่ดีขององค์กรในมาตรฐานสากล แต่ ปตท. ยังคงยึดมั่นให้ความสำคัญกับ ผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ โดยดำเนินธุรกิจ พร้อมกับการสร้างความแข็งแกร่งและยั่งยืนให้กับสังคม ชุมชน รวมทั้งผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างจริงจังต่อเนื่อง เพื่อให้ ปตท.เป็นองค์กร 100 ปี เสริมสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงาน และขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ
อนึ่ง นิตยสาร Fortune 500 ได้พิจารณาข้อมูลผลการดำเนินงาน รวมถึงสำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์และนักธุรกิจชั้นนำทั่วโลกประกอบการจัดอันดับ