ขณะที่รายได้ปีนี้มั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้าหมายจากการทยอยรับรู้รายได้จากยอดขายรอโอน(backlog)ที่มีอยู่ 34,000 ล้านบาท ณ สิ้นปี 57 ซึ่งมีกำหนดรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ 22,000 ล้านบาท และยังมีรายได้จากการทยอยเปิดโครงการใหม่ในปีนี้เพิ่มเข้ามาด้วย โดยสัดส่วนรายได้ในปีนี้จะมาจากโครงการแนวราบ 70% และแนวสูง 30% จากปีก่อนสัดส่วนรายได้จากโครงการแนวราบอยู่ที่ 80% และแนวสูง 20%
"ครึ่งปีแรก Pre-sale ทำได้แล้ว 23,900 ล้านบาท จากเป้าทั้งปี 47,000 ล้านบาท มั่นใจว่า Pre-sale ส่วนที่เหลืออีกครึ่งปีน่าจะทำได้ทะลุเป้า เพราะโดยธรรมชาติไตรมาส 3 ไตรมาส 4 ยอดขายจะมากกว่าครึ่งปีแรก และครึ่งปีหลังก็จะเปิดโครงการมากกว่าครึ่งปีแรก มีการเปิดโครงการคอนโดฯก็มากยอดขายก็จะทะลุเป้าได้"นายเลอศักดิ์ กล่าว
นายเลอศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทมีเป้าหมายเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ 70-75 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 5-6 หมื่นล้านบาท โดยครึ่งปีแรกเปิดไปแล้ว 27 โครงการ รวมมูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาท และจะเปิดอีกกว่า 40 โครงการในครึ่งปีหลังตามแผน ส่วนใหญ่เป็นโครงการแนวราบ ขณะที่มีโครงการคอนโดเมิเนียม 7-9 โครงการ จากเป้าหมายเปิดโครงการคอนโดมิเนียมในปีนี้ 10-12 โครงการ มูลค่า 1.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งเปิดไปแล้ว 3 โครงการในครึ่งปีแรก
สำหรับยอดขายรอโอนที่มีกว่า 3.4 หมื่นล้านบาทนั้น แบ่งเป็น โครงการคอนโดมิเนียม 1.65 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นโครงการแนวราบ ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถโอนโครงการคอนโดมิเนียมได้ทั้งหมด เพราะราคาที่ลูกค้าจองซื้อเมื่อ 1-2 ปีก่อนหน้านี้เป็นราคาต่ำ และลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัย ทำให้ยอดปฏิเสธสินเชื่อช่วงครึ่งแรกปีนี้ลดลงมาที่ 5% จากสิ้นปีที่แล้วอยู่ที่ 7% ขณะที่โครงการแนวราบจะยังคงรักษาฐานลูกค้ากลุ่มเดิมที่เป็นทาวน์เฮ้าส์ราคาระดับ 3 ล้านบาท/ยูนิต ส่วนบ้านเดี่ยว มีฐานลูกค้าในระดับราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท/ยูนิต โดยส่วนแบ่งตลาดของลูกค้าบ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้นในครึ่งแรกปีนี้มาที่ 13% จากเดิมที่ 10%
การพัฒนาโครงการในปีนี้ ส่วนหนึ่งบริษัทมีที่ดินเพื่อรอการพัฒนาแล้ว โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมมีที่ดินรองรับแล้วทั้งหมด ส่วนโครงการแนวราบ มีที่ดินแล้วบางส่วน ขณะที่โครงการที่อยู่ระหว่างการขายมีประมาณ 177 โครงการ รวมมูลค่า 8.2 หมื่นล้านบาท
นายเลอศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่ากำลังซื้ออสังหาริมทรัพย์ช่วงครึ่งหลังปีนี้ยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลที่จะสร้างสัดส่วนรายได้ให้กับบริษัทราว 95% ส่วนที่เหลือ 5-6% มาจากพื้นที่ในต่างจังหวัด โดยช่วงครึ่งปีแรกตลาดต่างจังหวัดติดลบ 3% เพราะปัญหาราคาพืชผลเกษตรที่ตกต่ำ แต่ยังมั่นใจว่าตลาดในกรุงเทพฯและปริมณฑลยังมีอยู่สูง อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตามองภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัว การจ้างงานที่ไม่ดีเหมือนในอดีต และยังจะมีปัญหาภัยแล้งตามมาด้วย
ขณะที่วันนี้ PS เปิดโครงการ"พลัมคอนโด"บนพื้นที่ 15 ไร่ย่านบางใหญ่ ติดกับโครงการห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เวสท์เกต บางใหญ่ โดยโครงการพลัมคอนโด เฟสแรก มีมูลค่า 2,300 ล้านบาท บนพื้นที่ 4 ไร่ พัฒนาเป็นอาคารสูง 38 ชั้น จำนวน 1,200 ยูนิต จะเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 ส.ค. มีราคาขายราว 1.39 ล้านบาท/ยูนิต โดยมั่นใจว่าจะขายได้หมดทั้งโครงการ ส่วนพื้นที่ที่ยังเหลือรอการพัฒนาอีก 11 ไร่ จะดำเนินการในเฟส 2-3-4 โดยเฟสที่ 2 จะเป็นคอนโดมิเนียม ซึ่งกำลังพัฒนารูปแบบและรอจังหวะการขาย ส่วนเฟส 3 และ 4 อยู่ระหว่างศึกษาพัฒนาโครงการ