"หุ้นที่จะกลับเข้ามาซื้อขายใน SET อีกครั้งวันพรุ่งนี้ มีราคาหุ้นปิดครั้งก่อนอยู่ที่ 0.40 บาท ปัจจุบัน BV อยู่ที่ 2 บาทกว่า/หุ้น ขึ้นอยู่กับผู้ลงทุนจะพิจารณา ส่วนภาวะตลาดช่วงนี้เราไม่กังวล ภาวะตลาดก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่บริษัทเชื่อว่านักลงทุนจะหันมาดูหุ้นพื้นฐานมากขึ้นเพราะบริษัททำธุรกิจมา 50 ปีแล้ว และมีการชำระหนี้ไปเยอะแล้ว"นายแสงชัย โชติช่วงชัชวาล กรรมการผู้จัดการ PK กล่าว
นายแสงชัย คาดว่าผลการดำเนินงานในปีนี้จะยังคงมีกำไรสุทธิได้ แต่อาจลดลงจากปีก่อนที่มีกำไร 229 ล้านบาท โดยในไตรมาส 1/58 บริษัททำกำไรสุทธิได้เพียง 16 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้อัตรากำไรสุทธิเหลือไม่ถึง 1% แต่แนวโน้มไตรมาส 2/58 อัตรากำไรสุทธิน่าจะดีขึ้น และจะพยายามให้เพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลัง แม้ว่าภาพรวมอัตรากำไรสุทธิเฉลี่ยในปีนี้น่าจะยังทำได้ต่ำกว่าปีก่อนที่อยู่ระดับ 4%
ขณะเดียวกันได้ปรับลดเป้าหมายรายได้ในปีนี้เป็นลดลง 10% จาก 4,139 ล้านบาทในปีก่อน จากเดิมที่คาดรายได้ปีนี้จะเติบโต 10% เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัวกดรายได้รวมในไตรมาส 1/58 ลดลง 10% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่แนวโน้มรายได้ไตรมาส 2/58 จะสูงกว่าไตรมาสแรก และรายได้ในครึ่งปีหลังคาดว่าจะสูงกว่าครึ่งปีแรก เพราะมีรายได้จากต่างประเทศเข้ามาเพิ่มขึ้น ขณะที่ปัจจุบันมีงานในมือ(backlog)1,700 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้เป็นรายได้ทั้งหมดในปีนี้
อย่างไรก็ตาม บริษัทตั้งเป้าหมายในช่วง 7 ปีข้างหน้าตั้งแต่ปี 59 เป็นต้นไป บริษัทจะมีรายได้รวมเติบโตเฉลี่ยปีละ 7% เป็นการเติบโตตามภูมิภาค ในแต่ละประเทศที่ตั้งเป้าจะเป็นที่หนึ่งในภูมิภาค และใน 3-5 ปี ข้างหน้าบริษัทตั้งเป้าที่จะมีสัดส่วนรายได้จากการส่งออกเพิ่มเป็น 50% จาก 20% ในปัจจุบัน และสัดส่วนรายได้ในประเทศอยู่ที่ 50% จาก 80% ในปัจจุบัน
บริษัทมีสำนักงานตัวแทนดูแลในต่างประเทศแล้วหลายประเทศ ทั้งอเมริกา ออสเตรเลีย ยุโรป และญี่ปุ่น รวมทั้งตะวันออกกลางและแอฟริกา ขณะที่ในฟิลิปปินส์ จากเดิมเป็นสำนักงานตัวแทนขายก็เปลี่ยนเป็นจัดตั้งบริษัท โดยในประเทศที่มีสำนักงานขายอยู่แล้วก็จะเพิ่มผลิตภัณฑ์สินค้าในแต่ละประเทศให้ครบ 5 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นการเข้าไปเพิ่มธุรกิจเพื่อให้ทันกับการขยายตัวของประเทศเพื่อนบ้าน
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาตั้งโรงงานผลิตในต่างประเทศที่วางขายสินค้าอยู่แล้ว โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนปี 59 โดยอยู่ระหว่างศึกษาว่าจะลงทุนเองทั้งหมดหรือหาพันธมิตรร่วมลงทุน
อนึ่ง ตลท.ได้ประกาศให้ PK เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนหลักทรัพย์ตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค.53 เนื่องจากงบการเงินประจำปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.52 ปรากฏส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ จำนวน 1,030 ล้านบาท ต่อมา PK ได้ยื่นคำขอพ้นเหตุอาจถูกเพิกถอนและขอให้เปิดซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯอนุมัติให้ PK พ้นเหตุอาจถูกเพิกถอน และให้เริ่มทำการซื้อขายหลักทรัพย์ของ PK ในตลาดหลักทรัพย์ฯในหมวดวัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร ได้ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ค.58
ณ สิ้นไตรมาส 1/58 บริษัทมีสินทรัพย์ 3,085 ล้านบาท หนี้สินรวม 1,978 ล้านบาท มีส่วนของผู้ถือหุ้น 1,001 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนรวม 1.7 เท่า
ปัจจุบัน PK มีการพัฒนาใน 4 ธุรกิจหลักรองรับอุตสาหกรรมอาหารและส่งออกอาหารที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน ได้แก่ กลุ่มธุรกิจเครื่องทำความเย็น ,ธุรกิจวิศวกรรมแปรรูปอาหารเหลว ,ธุรกิจวิศวกรรมแปรรูปอาหารแข็ง และธุรกิจเครื่องทำน้ำแข็ง