"ถือเป็นโอกาสดีที่จะเข้าลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ของไทย โดยเฉพาะการเข้าลงทุนใน RMF และ LTF ที่เป็นการลงทุนระยะยาว ซึ่งเป้าหมายดัชนีของบริษัทในปีนี้อยู่ที่ 1,580 จุด ดังนั้นโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนในตลาดหลักทรัพย์ของไทยในระดับที่ดีนั้นเป็นไปได้ไม่ยากเมื่อเทียบกับดัชนี ณ ปัจจุบัน"นางชวินดา กล่าว
นางชวินดา กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยมีความผันผวนสูงตลอดครึ่งปีแรกของปี 58 โดยปรับตัวลงมาตลอดตั้งแต่ช่วงกลางเดือนก.พ. จากจุดสูงสุดของปีที่ 1,615.89 จนถึงปัจจุบันที่ลงไปอยู่ในระดับต่ำสุดของปีที่ระดับ 1,430.22 จุด ณ วันที่ 27 ก.ค. ซึ่งปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดถึง 12.98% สาเหตุเกิดจากปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ ความกังวลต่อการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ความกังวลต่อการผิดนัดชำระหนี้ของกรีซ รวมถึงสภาวะตลาดหุ้นของจีนที่ปรับตัวลงแรงในช่วงเดือนมิ.ย.
ส่วนปัจจัยในประเทศ ช่วงที่ผ่านมากลุ่มธนาคารได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากแนวโน้มของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)ที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดความกังวลต่อภาพรวมของเศรษฐกิจไทย ที่ธุรกิจต่างๆอาจจะเริ่มมีปัญหาและส่งผลต่อภาคธนาคารได้ อย่างไรก็ตามฐานะทางการเงินของธนาคารไทย ถือว่ามีความแข็งแกร่งอย่างมาก ยังห่างไกลจากจุดที่จะทำให้เกิดปัญหาได้ รวมถึงกลุ่มพลังงานยังคงได้รับแรงกดดันอยู่ จากที่ราคาน้ำมันได้เริ่มปรับตัวลดลงอีกครั้งหนึ่ง ส่งผลให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลง ในขณะที่ยังมีหลายหลักทรัพย์ที่ยังคงมีศักยภาพในการเจริญเติบโตของผลประกอบการอยู่ท่ามกลางความผันผวนที่เกิดขึ้น
พร้อมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านทางโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่จากทางภาครัฐ สภาวะอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ และสภาพคล่องที่สูงทั่วโลก ยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ตลาดหลักทรัพย์ของไทย ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ในช่วงครึ่งปีหลัง การที่ตลาดหลักทรัพย์ของไทยได้ปรับตัวลดลงมา ทำให้ค่า P/E กลับมาอยู่ในระดับที่ไม่แพง ประกอบกับผลประกอบการของกลุ่มธนาคารที่ได้ประกาศออกมานั้นดีกว่าที่คาดไว้ กลุ่มธนาคารน่าจะผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว ซึ่งถือเป็นโอกาสดีที่จะเข้าลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ของไทย