"ธุรกิจปีนี้ดีขึ้น จากสินค้า ODM ซึ่งมีสินค้าเพิ่มเข้ามาหลากหลายมากขึ้น เราคาดว่าปีนี้ยอดขายก็น่าจะเติบโตได้ราว 5-10% แม้ว่าครึ่งปีแรกที่ผ่านมาเติบโตไม่ถึง 10% จากปัญหาทางเศรษฐกิจทั่วโลก แต่เชื่อว่าครึ่งปีหลังยอดขายจะเติบโตได้มากกว่า 10% แน่นอน ซึ่งเรามองว่ายอดขายจากอินเดียจะยังขยายตัวต่อเนื่อง"นางสาวกุลวดี กล่าว
ทั้งนี้ สินค้าหลักที่สร้างยอดขายได้มากขึ้นจะเป็นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มรถยนต์ รวมถึงยังเป็นการเติบโตตาม Data center และโทรคมนาคมอีกด้วย ประกอบกับที่ ผ่านมาบริษัทฯก็มีการขยายสำนักงานขายในภูมิภาคเพิ่มขึ้น ทั้งในกัมพูชา, เวียดนาม และสิงค์โปร อีกทั้งเน้นการขายให้กับลูกค้าโดยตรง พร้อมทั้งมีบริการหลังการขายที่จะช่วยผลักดันยอดขายให้เติบโตไปตามเป้าหมาย
นอกจากนี้ บริษัทคาดว่ากำไรสุทธิปีนี้จะสูงกว่าปีก่อนที่อยู่ในระดับ 13.5% เนื่องจากบริษัทมีการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น จากก่อนหน้านี้มีการลงทุนขยายสำนักงานในภูมิภาค ซึ่งแบกรับค่าใช้จ่ายค่อนข้างมาก โดยบริษัทใช้วิธีตัดจ่าย ทำให้ปีนี้ขาดทุนลดลง และสินค้าที่ผลิตและจำหน่ายเอง (ODM) มียอดขายเพิ่มขึ้น จากหันมาเน้นการขายลูกค้าโดยตรง
นางสาวกุลวดี กล่าวถึงสถานการณ์ที่เงินบาทอ่อนค่าว่า ส่งผลเชิงบวกต่อผลประกอบการของบริษัท และภาวะการแข่งขัน ซึ่งส่วนใหญ่บริษัทฯจะมีค่าใช้จ่ายและรับรู้ยอดขายในรูปของค่าเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯมากกว่า ขณะที่ค่าใช้จ่ายพนักงานในประเทศไทยจะจ่ายเป็นเงินบาท ซึ่งมองว่าได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากค่าเงินบาทยังคงอ่อนค่าอยู่จะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานในระยะต่อไปด้วย