"หลังจากที่เชื้อเพลิงของโรงไฟฟ้าชีวมวล มีความผันผวนทั้งในด้านราคาและปริมาณที่จัดหาได้ ทำให้โรงไฟฟ้าชีวมวลทั่วประเทศ ต้องปรับเปลี่ยนการดำเนินธุรกิจทั้งด้านเชื้อเพลิงและด้านเทคนิค ในการผลิตไฟฟ้า ทาง UWC มีความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและการผลิตไฟฟ้า จึงได้เข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าชีวมวลเป็นหลัก และขยายธุรกิจด้านพืชพลังงาน เพื่อเป็นเชื้อเพลงที่มั่นคงพึงพาตนเองได้ และจะขยายธุรกิจตามแผนการผลิตเชื้อเพลิงชีวมวล เพื่อส่งขายให้กับโรงไฟฟ้าชีวมวลที่กระยตัวอยู่ทั่วภาคอีสาน"นายพีรทัศน์ กล่าว
นายพีรทัศน์ กล่าวว่า การลงทุนในพาราไดซ์ กรีนเอนเนอยี่ ครั้งนี้ ทำให้บริษัทก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำด้านธุรกิจเชื้อเพลิงชีวมวล และแปรรูปพืชพลังงานครบวงจร ตั้งแต่การเพาะต้นพันธุ์ การปลูก การเก็บเกี่ยว จนถึงการแปรรูปด้วยเทคโนโลยีทันสมัย เพื่อผลิตเป็นเชื้อเพลิงชีวมวล
โครงการที่ขอนแก่น ได้มีการนำพืชพลังงานมาปลูกและเก็บเกี่ยวมาทำการแปรรูปและใช้เป็นเชื้อเพลิงกว่า 3 ปีแล้ว โดยใช้ต้นเนเปียร์ พันธุ์ปากช่อง 1 ที่มีการพัฒนาสายพันธุ์มาอย่างดี ซึ่งใช้เวลาเพียง 3 เดือนก็นำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงได้ จึงทำให้สามารถเก็บเกี่ยว 4 ครั้ง/ปี ปลูกครั้งเดียวเก็บเกี่ยวต่อเนื่องได้นาน 8-10 ปี
ขณะที่พื้นที่ปลูกปัจจุบันได้ขยายจาก 1,000 ไร่ เป็น 3,500 ไร่ โดยบริษัทได้มีระบบการจัดการที่ทันสมัย และใช้เครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพสูงในการจัดการทั้งระบบ ทั้งการปลูกและเก็บเกี่ยว ซึ่งจะช่วยให้ผลผลิตดี ต้นทุนต่อหน่วยต่ำ และสร้างขีดความสามารถในการขยายกำลงการผลิตเพื่อความเติบโตในธุรกิจพืชพลังงาน และเชื้อเพลิงชีวมวลต่อไป โดยบริษัทจะขยายพื้นที่ปลูกต่อไป ทั้งในจ.ขอนแก่น และจังหวัดที่กำลังจะมีโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลของบริษัทเอง
นอกจากนี้ตามแผนธุรกิจ บริษัทจะขยายในพื้นที่กลยุทธ์ที่จะสามารถนำพืชพลังงานมาแปรรูปเป็นเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่ง หรืออัดเม็ด เพื่อสามารถจัดเก็บและจัดส่งได้อย่างสะดวก และนำไปจำหน่ายเพื่อเป็นเชื้อเพลิงต่อไปด้วย