ประกอบกับภาวะหนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับที่สูง ทำให้กำลังซื้อมีการชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกระทบกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีหลายรายไม่สามารถขายสินค้าและบริการของตัวเองได้ดีมาก ทำให้ยอดขายตกและความสามารถในการทำกำไรลดลงไป โดยมีผลตามมาต่อการขอกู้สินเชื่อใหม่ซึ่งปัจจุบันความต้องการสินเชื่อใหม่ลดลงอย่างมาก เนื่องจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอีส่วนใหญ่ไม่มีการขอสินเชื่อไปลงทุนเพิ่มเติม เพราะแรงซื้อของภาคครัวเรือนยังน้อยมาก โดยครึ่งปีแรกสินเชื่อใหม่ติดลบ 6% ซึ่งมีผลอย่างเป็นนัยสำคัญต่อการพลาดเป้าหมายสินเชื่อเอสเอ็มอีในปีนี้ของธนาคาร
สำหรับวงเงินสินเชื่อเก่าของลูกค้าปัจจุบันยังมีการเติบโตได้เล็กน้อย เนื่องจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอีส่วนใหญ่ยังมีความต้องการเงินไว้ใช้เป็นเงินหมุนเวียน และป้องกันความเสี่ยงในการบริหารสต๊อกสินค้าเมื่อยอดออเดอร์สินค้าลดลง ทำให้มีความจำเป็นต้องใช้วงเงินหมุนเวียนเพิ่มขึ้นในภาวะที่เศรษฐกิจในประเทศยังชะลอตัว
อย่างไรก็ตามรายได้รวมของธุรกิจสินเชื่อเอสเอ็มอีของธนาคารยังมั่นใจทำได้ตามเป้าหมายเติบโต 9-10% แม้ว่ารายได้รวมในครึ่งปีแรกจะเติบโตได้เพียง 8% โดยรายได้ที่เติบโตส่วนใหญ่มาจากรายได้จากดอกเบี้ย ในขณะที่รายได้จากค่าธรรมเนียมไม่มีการเติบโต เนื่องจากสินเชื่อใหม่ปล่อยได้น้อยลง
"เศรษฐกิจไทยทุกคนเห็นตรงกันว่าไม่ค่อยดี จากที่ต้นปีมองแนวโน้มเศรษฐกิจจะดีขึ้นแต่ตอนนี้ภาพนั้นไม่ใช่แล้วส่งออกก็ยังไม่ดีแม้ว่าค่าเงินบาทจะอ่อนตัว แต่ตัวสำคัญที่จะ drive เศรษฐกิจในประเทศจริงๆคือการบริโภคในประเทศ ซึ่งตอนนี้ยังไม่โตขึ้น เพราะหนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูง และรายได้ครัวเรือนก็ไม่ได้เพิ่มขึ้น และตอนนี้ราคาพืชผลการเกษตรก็ตกต่ำ ฉุดรายได้จากภาคเกษตรกรลงไปอีก เอสเอ็มอีหลายรายขายของไม่ได้ สิ่งที่ผลิตมาก็เป็นสต๊อกค้าง ตอนนี้ผู้ประกอบการแต่ละรายกระทบมากยอดขายตก ความสามารถในการทำกำไรลดลง อยากให้ภาครัฐช่วยภาคเอสเอ็มอีให้มีความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้น ช่วยหาวิธีกระตุ้นการขาย"นายพัชร กล่าว
นายพัชร กล่าวว่า สำหรับสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของธุรกิจสินเชื่อเอสเอ็มอีของธนาคารในครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.9% และมีโอกาสทำให้ NPL ของสินเชื่อเอสเอ็มอีของธนาคารทั้งปีเกินเป้าหมายที่ 3% แต่ยังเป็นระดับที่ธนาคารสามารถบริหารจัดการได้ หลังลูกค้าธนาคารได้รับผลกระทบจำนวนมากจากภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อในประเทศที่ชะลอตัว โดยสำหรับลูกค้าของธนาคารที่ได้รับผลกระทบและมีปัญหาเกิดขึ้นนั้น ธนาคารก็ได้มีการช่วยเหลือในการขยายระยะเวลาในการชำระหนี้และมีการลดอัตราดอกเบี้ยให้เพื่อเป็นการช่วยเหลือลูกค้า ประกอบกับมีการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับลูกค้าที่มีปัญหามาก นอกจากนี้การบริหาร NPL ของธนาคารยังมีการขาย NPL ออกไปในครึ่งปีแรกที่ 1.2 แสนล้านบาท เพื่อบริหารให้สัดส่วนหนี้ NPL ไม่เพิ่มขึ้นอย่างมากจนธนาคารไม่สามารถบริหารจัดการได้