"ครึ่งหลังไม่ได้กังวลอะไรเพราะเราเตรียมตัวมาพักหนึ่งแล้ว ถ้าเศรษฐกิจดีก็พร้อมขยายได้ รวมทั้งจะเริ่มพิจารณาอาคารพาณิชย์ให้เช่าเพิ่มด้วย จากปัจจุบันเรามีอาคารสำนักงานที่ทองหล่อ รอดูไตรมาส 3/58 ก่อนคาดจะเห็นการพัฒนาอาคารพาณิชย์แบบรีเทล ซึ่งไม่ได้อยู่ในแผน ทำเองเพราะมีที่ดินแล้ว ถ้าจะทำมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท ทั้งอาคารพาณิชย์ขายและอาคารพาณิชย์ให้เช่า"นายสุริยน กล่าว
สำหรับแผนงานที่กำหนดไว้ในปีนี้จะมีการเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 5 โครงการ รวมมูลค่า 2,000-3,000 ล้านบาท โดยช่วงครึ่งปีแรกเปิดไปแล้ว 3-4 โครงการทั้งคอนโดมิเนียมโลว์ไรซ์และไฮไรซ์ ขณะที่ครึ่งปีหลังจะเปิดอีก 1-2 โครงการ ซึ่ง 1 ในนั้นเป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรซ์มูลค่าโครงการราว 400-500 ล้านบาท เป็นอาคารพักอาศัย 8 ชั้น จำนวน 70-80 ยูนิต
"ยังคงเน้นการพัฒนาคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ จับกลุ่มลูกค้าระดับบน และเน้นย่านใจกลางเมือง (CBD) เพราะเราถนัด อย่างไรก็ตาม ขอดูสถานการณ์เศรษฐกิจประกอบด้วย"นายสุริยน กล่าว
บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถทำยอดขายในปีนี้ใกล้เคียงกับปี 57 ที่กว่า 2,000 ล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทฯคาดมีรายได้ประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้จากการโอนกรรมสิทธิโครงการอสังหาริมทรัพย์ปกติ แต่เทียบกับปีก่อนไม่ได้ เพราะมีรายได้จากการขายอาคารสำนักงานเข่ามา
ปัจจุบัน MJD มียอดขายรอโอน (Backlog) ประมาณ 10,000 ล้านบาท มีกำหนดรับรู้รายได้ในปีนี้ราว 2,000-3,000 ล้านบาท ที่เหลือ รับรู้ในปีถัดไป โดยช่วงไตรมาส 2/58 ยอดรับรู้รายได้น่าจะใกล้เคียงไตรมาส 1/58 จากการโอนโครงการอาคารชุด ซึ่งมีโครงการที่รอโอน 4- 5 โครงการ ส่วนใหญ่เป็นแบรนด์ M เริ่มโอน 3 โครงการไปแล้วตั้งแต่ปลายปี และจะโอนอีก 1 โครงการที่สนามบินน้ำช่วงปลายปีนี้
อนึ่ง โครงการภายใต้แบรนด์ M เช่น M Silom,M Ladprao และ M Phyathai
"ในไตรมาส 2/58 ยอดขายก็ปกติ โอเคไม่ผิดปกติอะไร ส่วนยอดรับรู้รายได้ปีนี้มาจากยอดโอน 2,000-3,000 ล้านบาท ตามเป้าที่ตั้งไว้ ซึ่งเป้าจะมาจากยอดโอนที่เราขายไปเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว"นายสุริยน กล่าว
นายสุริยน เปิดเผยว่า ใรนปีนี้บริษัทยังไม่มีเป้าหมายในการซื้อที่ดินเพิ่ม แต่หากมีที่ดินที่ราคาเหมาะสมก็สามารถเพิ่มงบลงทุนได้ โดยเฉพาะหากเป็นทำเลแนวรถไฟฟ้าหรือย่านใจกลางเมือง(CBD)ก็ดี อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทยังมีที่ดินเปล่ารองรับการพัฒนาโครงการในช่วง 1-2 ปีนี้ยังเพียงพอ
"มองใน กทม.ก่อนเพราะเราถนัดไฮเอนด์ ต่างจังหวัดยังไม่ไป ส่วนจะมีกลุ่มใหม่เข้ามาเจรจาหรือไม่นั้นยังไม่มี ซึ่งเรามีศักยภาพที่จะพัฒนา โครงการเองได้ ในครึ่งหลังรอดูสถานการณ์ในประเทศอีกนิด ทั้งเรื่องโอน และรอดูนโยบายรัฐบาลเรื่องการเร่งก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ถ้ารัฐบาลเร่งก่อสร้าง ในส่วนของบริษัทก็เริ่มก่อสร้างตามได้ไม่ยาก"นายสุริยน กล่าว