นอกจากนี้ให้ติดตามการประชุคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในวันนี้ว่าจะมี 6 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้าพิจารณาหรือไม่ เนื่องจากทางม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ออมาระบุว่ายังไม่เห็นมาตรการจาก รมว.คลัง ดังนั้นต้องติดตามดู เพราะหากยังไม่มีการนำมาตรการเข้าครม.ก็อาจต้องเลื่อนออกไป ส่วนเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติเมื่อวานนี้ได้กลับมาขายสุทธิอีกครั้ง ทำให้เห็นว่าต่างชาติยังคงเป็นลักษณะของการเทรดดิ้ง
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้มีการเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจของจีนที่แย่หลังจากที่ตัวเลข PMI ภาคการผลิตของจีนออกมาไม่ดี ทำให้กังวลต่อเนื่องไปยังเศรษฐกิจโลกที่อาจชะลอตัว และยังทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ก็ปรับตัวลงด้วย
พร้อมให้แนวรับ 1,432-1,436 จุด ส่วนแนวต้าน 1,450 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(3 ส.ค.58) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,598.20 จุด ลดลง 91.66 จุด(-0.52%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,115.38 จุด ลดลง 12.90 จุด(-0.25%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,098.04 จุด ลดลง 5.80 จุด(-0.28%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 85.93 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 1.05 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 47.01 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 14.03 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 0.74 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 0.46 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 14.10 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(3 ส.ค.58) อยู่ที่ 1,442.04 จุด เพิ่มขึ้น 1.92 จุด (+0.13%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,426.82 ล้านบาท เมื่อวันที่ 3 ส.ค.58
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(3 ส.ค.58) ปิดที่ 45.17 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.95 ดอลลาร์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(3 ส.ค.58)ที่ 5.05 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเช้านี้เปิด 35.12/14 อ่อนค่าจากวานนี้ รอลุ้นผลประชุมกนง.วันพรุ่งนี้
- กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ (เงินเฟ้อ) เดือน ก.ค.อยู่ในระดับ 106.57 ติดลบ 1.05% เทียบกับเดือน ก.ค.57 เป็นการติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 และลดลง 0.07% เมื่อเทียบเดือน มิ.ย.58 ส่งผลให้เงินเฟ้อเฉลี่ยรอบ 7 เดือน ติดลบถึง 0.85% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
- ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศ ไทย(สรท.)ปรับประมาณการตัวเลขส่งออกของไทยปีนี้ใหม่ โดยคาดว่าทั้งปีจะมีมูลค่าเพียง 2.18 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือติดลบ 4.2% จากเดิมที่คาดว่าจะติดลบเพียง 2% ซึ่งถือว่าติดลบมากสุดในรอบ 6 ปี นับตั้งแต่ปี 52 ที่การส่งออกไทยติดลบ 14.2%
- คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)มีมติเห็นชอบปรับลดราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) งวดเดือน ส.ค. ในทุกกลุ่ม ทั้งภาคอุตสาหกรรม ขนส่ง และครัวเรือน ลงมา 1 บาท/กิโลกรัม มีผลทันทีวันที่ 4 ส.ค.นี้ ส่งผลให้ราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มมาอยู่ที่ 22.96 บาท/กิโลกรัม และทำให้ถังก๊าซ หุงต้มของครัวเรือนขนาด 15 กิโลกรัม มีราคาลดลงทันที 15 บาท/ถัง เพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน
- แหล่งข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เปิดเผยว่า แนวโน้มเงินไหลเข้ามาลงทุนทางตรง(เอฟดีไอ)ครึ่งปีหลังของไทยยังเป็นบวก ซึ่งเป็นไปตามทิศทางการส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอที่ปรับไปให้สิทธิประโยชน์การลงทุนรายอุตสาหกรรมตามนโยบายสร้างเศรษฐกิจเข้าสู่อุตสาหกรรมใหม่
- สมาคมโลหะไทยตบเท้ายื่นบีโอไอคัดค้านการขึ้นเซอร์ชาร์จเหล็กลวดนำเข้า ยันหากขึ้นจริงอุตสาหกรรมต่อเนื่องอาจเจ๊งและต้องขยับราคาขายเดือดร้อนผู้บริโภคแน่ บีโอไอเตรียมเปิดเวทีให้ทั้งผู้ผลิต ผู้ใช้ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมต่อเนื่องถกหาข้อยุติเร็วๆ นี้อีกรอบ
*หุ้นเด่นวันนี้
- BECL(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ทยอยสะสม"เป้า 2.73 บาท นำไปควบรวมและเปลี่ยนเป็น BEM ซึ่งเกิดจากการควบรวม BMCL-BECL ยืนยันมุมมองเชิงบวกต่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัทใหม่ที่ครบวงจรทั้งทางด่วน-ระบบรางยังเติบโตได้อีกมากจากการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ โดย EBITDA สูงถึงปีละ 8,000 ล้านบาท ชี้ให้เห็นว่ากระแสเงินทุนของ BEM มีความพร้อมมากต่อการเข้าประมูลงานรถไฟฟ้าสายใหม่ๆของภาครัฐฯ พร้อมคาดกำไรสุทธิเฉลี่ย 3 ปี(58-60)โตปีละ 18% และยังมี Valuation Gap จาก BTS มาก ประเมินเป้าหมาย BEM ที่ 6.50 บาท หรือเทียบเท่า BMCL ที่ 2.73 บาทมี Upside 44%
- กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ 6 ด้าน ซึ่งรมว.คลังเตรียมเสนอ ครม.วันนี้ SCC, CK, STEC, AOT, TASCO, AMATA, WHA, CPALL, SCB, KBANK, MTLS (โกลเบล็ก)
- กลุ่มสื่อสาร(ADVANC, INTUCH) ความคืบหน้าการประมูล 4G (คาดประมูลคลื่นในวันที่ 11-12 พ.ย.) และเป็นหุ้นปันผลครึ่งปีเด่น ทั้งนี้ ADVANC ประกอบงบออกมาดีกว่าคาดโดยมีกำไร 9.8 พันลบ. (+16.2% YoY) และปันผลครึ่งปีที่ 6.5 บาท/หุ้น XD 11 ส.ค.(โกลเบล็ก)
- AAV(โกลเบล็ก)เป้า Consensus สูงสุด 7.50 บาท คาดกำไรปี 58 ฟื้นแข็งแกร่งจากการได้ประโยชน์สูงสุดในกลุ่มสายการบินจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงจาก Hedging ไว้ล่วงหน้าเพียง 15% ส่งผลให้ต้นทุนลดลงและคาดว่ากำไรโต และได้อานิสงส์นโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล อัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ย 80% ดีกว่าปี 57 และคาดทั้งปีที่ 83% หรือ 14.5 ล้านคน อีกทั้งทางสสท.คาดจำนวนนักท่องเที่ยวปี 58 +13% เป็น 28 ล้านคน
- ADVANC(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 290 บาท กำไรดีกว่าคาด หากตัดรายการพิเศษออก กำไรปกติ 2Q15 -2.6% Q-Q ตามฤดูกาลแต่ +12.4% Y-Y สูงกว่าคาดเล็กน้อยจาก Regulatory Cost ที่ลดเหลือเพียง 12.5% ของรายได้ จาก 14.2% ใน 1Q15 เราปรับกำไรปีนี้ลงเล็กน้อย 5% เป็น 3.9 หมื่นล้านบาท +7% Y-Y แนวโน้มปีหน้ายังแกร่งมาก ได้ปรับสมมติฐานให้ ADVANC ได้ใบอนุญาตคลื่น 1800 MHz และ 900 MHz อย่างละ 1 ใบ กำไรปีนี้หน้าจะโต 31% Y-Y