"แม้ภาวะตลาดหุ้นในช่วงนี้มีความผันผวนสูง แต่เราเชื่อมั่นในพื้นฐานของบริษัทฯ ทั้งจากผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่องแล้ว ในฐานะที่เป็นผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายสวิตซ์บอร์ดในประเทศไทย เรามีผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ หลากหลายแตกต่างจากคู่แข่ง และมีผลิตภัณฑ์ที่ครบวงจร รวมถึงโอกาสเติบโตในอนาคตโดยประเมินว่ารายได้ของบริษัทฯ ปีนี้จะเติบโตประมาณร้อยละ 20-25 ต่อปี"นายไพบูลย์ กล่าว
นายไพบูลย์ กล่าวว่า บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ปีนี้จะเติบโตราว 20-25% จากปีก่อนมีรายได้ที่ 1,704.19 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรสุทธิจะกลับมาอยู่ที่ระดับปกติที่ 8% จากปีก่อน 6.5% โดยมีสัดส่วนรายได้มาจากสินค้าผลิตและจำหน่าย 60-70% สิ้นค้าซื้อมาและจำหน่าย 15-20% และงานบริการอีก 15%
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ บริษัทฯจะนำไปขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 50% จากเดิมมีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 70-80% ซึ่งจะใช้เงินลงทุนประมาณ 130 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จได้ในช่วงปลายไตรมาส 1/59 เพื่อรอรับออเดอร์ที่จะเข้ามาในอนาคต โดยบริษัทฯมีสัดส่วนงานเอกชน 80% ภาครัฐ 20%
นอกจากนั้น จะนำไปขยายสาขา หรือตั้งเซลล์&เซอร์วิสออฟฟิต โดยเน้นแนวชายแดน เช่น จ.อุบลราชธานี, อุดรธานี, ตาก เป็นต้น คาดว่าจะเริ่มดำเนินงานได้ในไตรมาส 3/58 ถึงกลางปี 59 จำนวน 10 สาขา ใช้เงินลงทุนรวม 30 ล้านบาท รวมถึงแบ่งส่วนหนึ่งใช้คืนเงินกู้จากสถาบันการเงินที่มีอยู่ 280 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E)ลดลงเหลือ 1 เท่า จากเดิม 1.8 เท่า และที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัทฯ
พร้อมกันนี้ บริษัทยังมองหาการลงทุนอื่นเพิ่ม โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาหาพันธมิตรที่จะเข้ามาเกื้อหนุมการเติบโตของกำไร บริษัทมองธุรกิจจัดจำหน่ายและผลิตสินค้าต้นน้ำ ซึ่งยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม
ด้านนายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ASEFA เปิดเผยว่า ASEFA ได้รับความสนใจจองซื้อหุ้นอย่างมากจากการเปิดจองซื้อหุ้นระหว่างวันที่ 28-29 และ 31 ก.ค.58 โดยการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO)จำนวน 150 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท คิดเป็น 27.27% ของจำนวนหุ้นสำมัญที่ออกและเรียกชำระแล้ว ประกอบกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัทมีความแข็งแกร่ง อนาคตมีการเติบโตต่อเนื่อง
"มั่นใจว่า ASEFA เข้าซื้อขายวันแรกราคาจะอยู่เหนือราคาจองที่ 3.70 บาท/หุ้นได้ เนื่องจากบริษัทมีศักยภาพการเติบโตสูง จากจุดแข็งทางธุรกิจหลายประการ เช่น ศักยภาพของบริษัทฯ ในฐานะที่เป็นผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายสวิตซ์บอร์ดใน ประเทศไทย ผู้บริหารมีประสบการณ์กว่า 25 ปี รวมถึงโอกาสเติบโตในอนาคต จึงทำให้เชื่อมั่นว่า ASEFA จะสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้กับนักลงทุน"นายสมภพ กล่าว