ขณะเดียวกัน TMAN ยังอยู่ระหว่างเจรจากับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่งที่เป็นบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ เพื่อนำสินทรัพย์มาจัดตั้งกอง REIT มูลค่าราว 2-2.5 พันล้านบาท
นายอมร จุฬาลักษณานุกูล กรรมการผู้จัดการ TMAN เปิดเผยว่า บริษัทได้ตั้งเป้าการเติบโตของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิในกอง TREIT แตะ 2 หมื่นล้านบาท ภายในปี 61 โดยจะเข้าลงทุนในสินทรัพย์ทั้งในกลุ่ม TICON และนอกกลุ่ม TICON โดยภายในสิ้นปีนี้ TREIT จะมีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิอยู่ที่ 7.64 พันล้านบาท จากปัจจุบันมีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิอยู่ที่ 4.28 พันล้านบาท
การขยายขนาดกอง TREIT ในปีนี้หลังจากที่ประชุมผู้ถือหน่วยทรัสต์ TREIT ได้อนุมัติให้ลงทุนเพิ่มในสินทรัพย์ที่เป็นโรงงานให้เช่าของ TICON และคลังสินค้าให้เช่าของบริษัทไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค จำกัด(TPARK)จำนวน 55 ยูนิต รวม 155,182 ตารางเมตร แบ่งเป็น โรงงาน TICON 7 ยูนิต 21,900 ตารางเมตร และคลังสินค้า TPARK 46 ยูนิต จำนวน 133,282 ตารางเมตร โดยคิดเป็นมูลค่าลงทุนรวมทั้งหมดไม่เกิน 3.35 พันล้านบาท
แหล่งที่มาของเงินจะมาจากการเพิ่มทุนโดยการเสนอขายหน่วยทรัสต์จำนวนรวมไม่เกิน 2.35 พันล้านบาท โดยจะออกเสนอขายหน่วยทรัสต์ไม่เกิน 241 ล้านหุ้น แบ่งเป็นการเสนอขายให้กับผู้ถือหน่วยเดิม (RO) ไม่ต่ำกว่า 50% และส่วนที่เหลือจัดสรรให้ประชาชนทั่วไป (PO) ในราคาเสนอขายเดียวกันซึ่งจะกำหนดราคาตามภาวะตลาดที่เสนอขายในขณะนั่น ส่วนเงินลงทุนที่เหลือจะมากจากเงินกู่ระยะยาวจากสถาบันการเงินจำนวนไม่เกิน 1,005 ล้านบาท
แผนการเพิ่มทุนเพื่อนำเงินไปใช้ไนการลงทุนไนสินทรัพย์เพิ่มเติมนั้น บริษัทจะมีการยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ภายในสิ้นสัปดาห์นี้ และคาดว่าจะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนได้ภายในต้นเดือน ธ.ค.นี้ และจะสามารถซื้อสินทรัพย์เข้ามาภายในปลายเดือน ธ.ค.58 เช่นกัน อย่างไรก็ตาม หลังจากการขยายมูลค่าสินทรัพย์ในสิ้นปีนี้แล้วอัตราผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นที่ถือหน่วย TREIT จะเพิ่มขึ้นอีก 2-3% ต่อปี จากปัจจุบันอัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 7.75% ต่อปี
นายจรัสฤทธิ์ อรรถเวทยวรวุฒิ ผู้จัดการทั่วไปและผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ TMAN กล่าวเสริมว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเข้าลงทุนสินทรัพย์ประเภทคลังสินค้าและโรงงานให้เช่านอกกลุ่ม TICON อยู่ 1 ดีล มูลค่า 500 ล้านบา เพื่อเพิ่มโอกาสและความสามารถในการเติบโตของกอง TREIT คาดว่าจะใช้ระยะเวลาอีกสักระยะหนึ่งหลังจากการซื้อสินทรัพย์ในปลายเดือน ธ.ค.นี้เสร็จสิ้นก่อน เพื่อทำการซื้อสินทรัพย์นอกกลุ่ม TICON เป็นครั้งแรก
นอกจากนั้น TMAN ยังมีการเจรจากับบริษัทที่ดำเนินธุรกิจประเภทอาคารสูงที่ให้บริการพื้นที่เช่า ซึ่งเป็นบริษัทชื่อดังในประเทศที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และมีเจ้าของเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงอยู่อีก 1 ดีล มูลค่า 2-2.5 พ่นล้านบาท ซึ่ง TMAN จะมีการจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนไนอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ขึ้นมาใหม่อีก 1 กอง เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่แตกต่างประเภทกับกอง TREIT โดยดีลดังกล่าวอยู่ระหว่างการเจรจายังไม่สามารถระบุความชัดเจนได้ไนขณะนี้
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในสินทรัพย์ใหม่ๆเพิ่มเติมในอนาคตนั้น มองว่า TREIT มีความจำเป็นต้องมีการออกหุ้นกู้ เพื่อขยายความสามารถในการกู้จากเดิมไม่เกิน 35% ของมูลค่าสินทรัพย์รวม เป็นไม่เกิน 60% ของมูลค่าสินทรัพย์รวม และลดต้นทุนดอกเบี้ยที่ปัจจุบันการกู้ยืมเงินของธนาคารพาณิชย์เป็นอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว ต่างจากการออกหุ้นกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ ซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างรอการจัดอันดับเครดิต ขณะเดียวกันปัจจุบันกฏหมายไม่ได้ระบุไว้ว่ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) สามารถออกหุ้นกู้ได้ และปัจจุบันอยู่ระหว่างการหารือกับ ก.ล.ต.
"ถ้าเราออกหุ้นกู้ได้ต้นทุนดอกเบี้ยเราจะลดลงมาก จากที่เรากู้ธนาคาร เพราะดอกเบี้ยธนาคารเป็นแบบ Float แต่หุ้นกู้เรา Fixed ได้ แต่หุ้นกู้ต้องจัดเรตติ้งแบบ Investment rate ด้วย ซึ่งตอนนี้เรากำลังทำอยู่ แต่ก็ต้องรอกฏหมายว่าเมื่อไหร่จะระบุให้กอง REIT สามารรถออกหุ้นกู้ได้ ซึ่งเราก็มีการพูดคุยกับ ก.ล.ต.ไปแล้ว ตอนนี้ก็รอความชัดเจนอยู่ ส่วน Room ในการกู้เมื่อออกหุ้นกู้ก็จะเพิ่มเป็น ไม่เกิน 60% ของมูลค่าสินทรัพย์ จากตอนนี้ที่ไม่เกิน 35% ของมูลค่าสินทรัพย์ ส่วนของเราตอนนี้ถ้ารวมกับการลงทุนสินทรัพย์ไหม่ปลายปีนี้ก็จะมีการกู้อยู่ที่ 25% ของมูลค่าสินทรัพย์ และมี Room ในการกู้เหลืออยู่ที่ 490 ล้านบาท"นายจรัสฤทธิ์ กล่าว