(เพิ่มเติม) PTTGC เล็งร่วมทุนกลุ่มน้ำตาลยักษ์ใหญ่ตั้ง"ไบโอฮับ"หวังจูงใจ NatureWorks ลงทุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 4, 2015 18:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล(PTTGC) กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะตั้งนิคมอุตสาหกรรมด้านไบโอพลาสติก(ไบโอฮับ) เพื่อรองรับการผลิตพลาสติกชีวภาพในอนาคต โดยจะเป็นการร่วมลงทุนกับบริษัทผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ของไทย ฝ่ายละ 50% คาดว่าจะมีมูลค่าการลงทุนมากกว่า 5 พันล้านบาท คาดว่าจะสรุปแผนได้ในปลายปีนี้ ขณะที่วางเป้าใช้งบมากกว่า 3% ของกำไรสุทธิแต่ละปีเพื่อลงทุนด้านงานวิจัยและพัฒนาหวังสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มทางการตลาดสูงขึ้น(HVP)

เบื้องต้นคาดว่าการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวจะอยู่ในพื้นที่ภาคกลางของไทยเนื้อที่ราว 2พันไร่ หากสรุปได้ในปลายปีนี้ก็คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างราว 30 เดือน หรือกว่า 2 ปีจะสามารถมีผลผลิตออกมา ซึ่งรูปแบบการลงทุนจะเป็นการนำอ้อยมาผลิตน้ำตาล เอทานอล ไฟฟ้า สำหรับภาคอุตสาหกรม รองรับการตั้งโรงงานพลาสติกชีวภาพ(PLA)ในอนาคต คาดว่าทาง NatureWorks จะตัดสินเข้ามาลงทุน PLA หลังจากนิคมฯดังกล่าวเป็นรูปธรรมขึ้นมา

"เรากำลังมองการตั้ง bio hub ซึ่งเป็นการนำอ้อยมาทำน้ำตาล เอทานอล ไฟฟ้า สร้างนิคมเป็นพื้นฐานขึ้นมา กำลังมองหาผู้ร่วมลงทุน เพื่อรองรับการเกิดไบโอพลาสติกในอนาคต"นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว

นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า บริษัทได้เริ่มจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมและเทคโนโลยีใน จ.ระยอง เพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์ใหม่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ของกลุ่มบริษัท ซึ่งปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ราว 200 รายการ และในปีนี้มีเป้าหมายจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ HVP เพิ่มอีก 15 รายการ ขณะที่มีนโยบายลงทุนด้านงานวิจัยและพัฒนามากกว่า 3% ของกำไรสุทธิแต่ละปี โดยในเวลาอีก 10 ปีข้างหน้าตั้งเป้าหมายจะมีผลิตภัณฑ์ที่สร้างรายได้ให้บริษัทปีละ 59,000 ล้านบาท หรือราว 20% ของรายได้จากปิโตรเคมี จากปัจจุบันที่อยู่ระดับ 4% ของรายได้จากปิโตรเคมี

สำหรับแนวโน้มธุรกิจในช่วงครึ่งหลังปีนี้ นายสุพัฒน์พงษ์ คาดว่า ราคาน้ำมันน่าจะทำระดับต่ำสุดในไตรมาส 3/58 และคาดว่าจะดีขึ้นในไตรมาส 4/58 แต่ก็ยังไม่ชัดเจนมากนัก หลังแนวโน้มทิศทางราคายังอ่อนตัวลงจากปริมาณการผลิตที่มีมากกว่าความต้องการใช้ ซึ่งธุรกิจปิโตรเคมีก็เป็นลักษณะเดียวกัน แต่ความต้องการใช้ยังดีอยู่มาก ทำให้ราคาแม้จะอ่อนตัวลงบ้างแต่ไม่มากนัก บริษัทจึงพยายามปิดความเสี่ยงของธุรกิจทั้งการควบคุมค่าใช้จ่าย ภายใต้การผลิตให้ได้อย่างต่อเนื่อง

ส่วนความคืบหน้าของแผนการลงทุนธุรกิจนั้น ในส่วนของโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในสหรัฐ อยู่ระหว่างศึกษา ออกแบบก่อสร้าง จัดหาแหล่งเงินกู้ มูลค่าโครงการ คาดว่าราวกลางปี 59 หรือไตรมาส 3/59 จะสรุปได้ว่าจะคุ้มกับการลงทุนหรือไม่ ขณะที่โครงการ PU-project ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ห่วงโซ่โพลียูริเทน ในไทย คาดว่าจะเซ็นสัญญากับพันธมิตรได้ในเดือน ส.ค. และเตรียมจะประกาศความชัดเจนของโครงการในเดือนนี้

นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการปรับสัดส่วนการใช้วัตถุดิบผลิตโอเลฟินส์จากก๊าซธรรมชาติและแนฟทา ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มาจากสายน้ำมัน จากปัจจุบันที่ 85:15 เป็น 60:40 เพื่อรองรับปริมาณก๊าซฯในประเทศที่มีแนวโน้มลดลง และราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องยาวนาน โดยคาดว่าผลการศึกษาจะแล้วเสร็จในปีนี้ และจะเริ่มดำเนินการได้ใน 2-3 ปีข้างหน้า ขณะที่ปัจจุบันบริษัทผลิตแนฟทาได้ราว 2 ล้านตัน/ปี โดยมีเหลือส่งออกราว 7-8 แสนตัน/ปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ