ขณะที่กำไรสุทธิในช่วงไตรมาส 2/58 อยู่ที่ระดับ 8.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 82.97% จากไตรมาสแรก เนื่องจากรายได้จากการขายสินค้าเพิ่มขึ้น และถือว่าผ่านจุดต่ำสุดที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 1/58 ตามที่บริษัทคาดการณ์ไว้แล้ว
อย่างไรก็ตามกำไรสุทธิในงวดไตรมาส 2/58 ลดลง 29.73% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากค่าเสื่อมราคาที่สูงขึ้น จากการรับรู้ทรัพย์สินก่อสร้างและเครื่องจักรที่ลงทุนในงวดปีก่อน รวมถึงมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 3.7 ล้านบาทด้วย
สำหรับในส่วนของรายได้ช่วงไตรมาส 2/58 อยู่ที่ 210 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.97% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 0.45% จากงวดปีก่อน เนื่องจากรายได้จากการส่งออกในช่วงไตรมาส 2 เพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับไตรมาสเรกที่ชะลอตัวลง
"ตลาดในมาเลเซีย ซึ่งเป็นตลาดหลักในการส่งออกมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องการจัดเก็บภาษี ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2558 ทำให้ลูกค้ามีการสั่งซื้อสินค้า และมีการขอให้เก็บสินค้าไว้ที่คลังเราก่อน และให้ส่งสินค้าดังกล่าวหลังวันที่ 1 เมษายน 2558 ซึ่งเป็นผลบวกในไตรมาส 2 นี้ ขณะที่ตลาดในประเทศก็มีการขยายตัวต่อเนื่อง จากการทำโปรโมชั่นต่างๆ ทำให้รายได้ของเราเติบโตต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อน"นายชัยสิทธิ์ กล่าว
นายชัยสิทธิ์ กล่าวอีกว่า บริษัทตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นในปีนี้เป็น 55-60% จากปีก่อนอยู่ที่ 50% และในช่วงไตรมาส 3/58 ได้เริ่มทยอยส่งมอบสินค้าให้บริษัท CEAT ประเทศอินเดียแล้ว ซึ่งคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 15-20 ล้านบาท และจะรับรู้รายได้อย่างเต็มที่ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป โดยมีมูลค่างานรวมทั้งหมด 500 ล้านบาท สัญญา 3 ปี