นอกจากนี้ บริษัทจะมีการยุบบริษัทลูก EXCELON ซึ่งเป็นบริษัทรับงานออกแบบภายในและออกแบบโครงสร้างอาคารที่มีผลการดำเนินงานขาดทุน ซึ่งเป็นตัวฉุดกำไรของบริษัทหลังจากมีการทยอยโอนงานครบทั้งหมด ส่วนมูลค่างานในมือ (Backlog) ของบริษัทในปัจจุบันอยู่ที่ 900 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ 80% สำหรับงานที่บริษัทเข้ายื่นประมูลในปัจจุบันมูลค่ารวมอยู่ที่ 1 พันล้านบาท และคาดว่าจะได้รับงานราว 30% ส่วนงานที่บริษัทเพิ่งเซ็นสัญญาไปเป็นงานวางฐานรากเสาเข็มแบบเจาะ คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 2-3 เดือน และสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้ได้ทันที ด้านการขยายการเติบโตในอนาคต บริษัทวางแผนจะเข้าไปรับงานในประเทศเพื่อนบ้านภายใน 1-2 ปีข้างหน้า โดยจะมีการร่วมทุนกับพันธมิตรท้องถิ่น ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมบุคคลากรเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าไปรับงานจริง
นายบดินทร์ กล่าวว่า การที่ PYLON ย้ายการจดทะเบียนจากตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ(mai) มาสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้กองทุนเข้ามาลงทุนในหุ้น PYLON ได้มากขึ้น และต้องการผู้ลงทุนระยะยาวเข้ามาถือหุ้นของบริษัท ซึ่งที่ผ่านมามีหลายกองทุนให้ความสนใจ
"การที่เราย้ายมาเข้า SET จะเป็นการเปิดโอกาสให้กองทุนเข้ามามากขึ้น และตามวัตถุประสงค์เราที่อยากได้คนที่เข้ามาถือหุ้นระยะยาว ก็มองว่าเป็นการเสริมศักยภาพของบริษัทให้แข็งแกร่ง และเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนหลากหลายมากขึ้น อีกทั้งเป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่คู่ค้าด้วย"นายบดินทร์ กล่าว