อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปัจจุบันตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีมูลค่าการซื้อขายและราคาอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงแล้ว ผู้ลงทุนจึงต้องใช้ความระมัดระวังหากต้องการเข้าลงทุนเพิ่มเติม
ด้านสถานการณ์เศรษฐกิจของยุโรป ยังคงฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยคาดว่าในปีนี้เศรษฐกิจยุโรปจะเติบโตที่ 1.5% และคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 0% จากเดิมที่ติดลบ ทั้งนี้ ปัจจัยที่ต้องเฝ้าระวังคือสถานการณ์หนี้กรีซ ซึ่งปัจจุบันนักลงทุนได้คลายความกังวลลงไปบ้างแล้วภายหลังจากการเจรจาระหว่างกรีซที่ตกลงยอมรับเงื่อนไขและความช่วยเหลือของกลุ่มเจ้าหนี้
อย่างไรก็ตาม ปัญหาดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดให้มีความผันผวนในระยะสั้นเท่านั้น ผู้ลงทุนจึงอาจอาศัยจังหวะช่วงที่หุ้นปรับตัวลงเข้าลงทุนเพิ่มเติมได้ โดยมองว่าในระยะยาวหุ้นยุโรปยังมีความน่าสนใจเพราะมีแนวโน้มการเติบโตของผลกำไรที่ดีและยังมีระดับราคาที่ไม่แพงจนเกินไป รวมถึงค่าเงินยูโรที่อ่อนค่าจะส่งผลดีต่อผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนซึ่งส่วนใหญ่มีรายได้มาจากนอกภูมิภาค
ส่วนเศรษฐกิจของอินเดียมีแนวโน้มการเติบโตที่โดดเด่นกว่าในภูมิภาคอื่นๆ โดยคาดว่าในปี 2558-2559 จะขยายตัวในระดับสูงกว่า 7% ต่อปี โดยมีปัจจัยสนันสนุนจากการดำเนินนโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลายของธนาคารกลางอินเดีย ซึ่งตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมามีการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปแล้ว 0.75% ทำให้อัตราดอกเบี้ยปัจจุบันอยู่ที่ 7.25%
ประกอบกับ แผนการปฏิรูปของรัฐบาลที่มุ่งเน้นพัฒนาประเทศให้เติบโตแบบยั่งยืน อาทิ การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินและการคลัง นอกจากนี้ยังได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันโลกที่อยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากอินเดียเป็นประเทศที่มีการนำเข้าเชื้อเพลิงรายใหญ่ จึงช่วยลดต้นทุนการผลิตและจะส่งผลบวกต่อภาพรวมของเศรษฐกิจอินเดีย รวมถึงการเติบโตของผลกำไรบริษัทจดทะเบียนในอินเดีย ซึ่ง Bloomberg คาดการณ์ไว้ว่าปีนี้จะเติบโตได้กว่า 17%