นอกจากนี้ บริษัทยังมีการศึกษาตลาดออกไปในกลุ่มประเทศ CLMV (ประเทศพม่า ลาว เวียดนาม กัมพูชา) มากขึ้น เนื่องจากงานก่อสร้างมีการขยายตัวสูง ซึ่งขณะนี้บริษัทได้ประเดิมเข้าไปทำตลาดในประเทศลาวเป็นอันดับแรก โดยวางแผนนำสินค้าเข้าไปผ่านดีลเลอร์ในพื้นที่เพื่อทำการจำหน่ายสินค้าต่อไป ซึ่งถือเป็นการเพิ่มช่องทางของรายได้ให้มากขึ้น
“แม้ตลาดจะมีการชะลอตัวในปี 58 แต่เราคาดว่ายังสามารถรักษาเป้าหมายการเติบโตของรายได้ไว้ในระดับใกล้เคียงกับรายได้รวมในปี 57 ที่ทำไว้ 409 ล้านบาท ซึ่งนับว่ายังคงรักษาระดับการเติบโตที่ดีในภาวะเช่นนี้ อย่างไรก็ตามคาดหวังว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปี 58 ทิศทางภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้าง-อิฐมวลเบาในประเทศ มีแนวโน้มค่อยๆปรับตัวดีขึ้น ตามการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ และคาดว่าจะส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์กลับมาลงทุนในโครงการใหม่มากขึ้นในอนาคต ซึ่งจะทำให้ความต้องการสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง-อิฐมวลเบาในประเทศมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้นตามไปด้วย"นายรังสี กล่าว
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/58 ที่ออกมานั้น บริษัทยอมรับว่าปรับตัวลดลงเล็กน้อย โดยรายได้รวมอยู่ที่ 83.32 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 18.31 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิ 3.87 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการชะลอตัวของตลาดต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา อีกทั้งราคาขายในตลาดปรับตัวลดลงจากการชะลอตัวของตลาดวัสดุก่อสร้าง นอกจากนั้นยังเกิดจากปัจจัยโดยภาพรวมของประเทศที่ชะลอตัว โดยเฉพาะภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้กำลังซื้อวัสดุก่อสร้างหดตัว