สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 2/58 (เมษายน-มิถุนายน) สามารถทำให้เติบโตเกินคาดหมาย โดยเฉพาะตัวเลขกำไรสุทธิที่ทำได้ 109.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.50% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาที่มีกำไรสุทธิ 95.39 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 5.86% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการบริหารจัดการด้านช่องทางการจัดจำหน่ายอย่างมีประสิทธิภาพและเพิ่มความหลากหลายของสินค้าตราเพชรที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ บริษัทยังประสบความสำเร็จการทำตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV ส่งผลให้ไตรมาสที่ 2 ปีนี้สามารถทำรายได้รวม 1,136.93 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับไตรมาสแรกที่ผ่านมา ทำให้ภาพรวมรายได้รวมงวด 6 เดือนแรก(มกราคม-มิถุนายน)ของปีนี้ ทำได้ 2,316.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,311.93 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 204.61 ล้านบาท
บริษัทพอใจกับผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ที่สามารถผลักดันการเติบโตของกำไรสุทธิได้ดี เนื่องจากโดยปกติผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 จะต่ำกว่าในไตรมาส 1 แต่ปีนี้ บริษัทมีการปรับแผนกลยุทธ์ให้มีความยืดหยุ่น ทั้งด้านการตลาด การสร้างแบรนด์สินค้าและการพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายให้มีความแข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพ รวมถึงบริหารจัดการด้านต้นทุนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ไตรมาส 2 ปีนี้มีการเติบโตเป็นไปอย่างดี แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจในประเทศยังอยู่ในช่วงชะลอตัวจากปัจจัยลบที่เกิดขึ้น และมั่นใจว่าในปีนี้จะสามารถทำรายได้ให้เติบโตจากปีก่อนไม่ต่ำกว่า 4% ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมุ่งรักษาอัตราการใช้กำลังการผลิตของเครื่องจักรไว้ที่ 80% ของกำลังการผลิตรวมที่มี 982,000 ตัน เพื่อผลิตสินค้าตอบสนองความต้องการของตลาด