บมจ.สหมิตรถังแก๊ส (SMPC)ประกาสผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/58 มีกำไรสุทธิ 163.02 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.31 บาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 69.07 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.13 บาท
ทั้งนี้ กำไรสำหรับงวดเพิ่มขึ้น 93.95 ล้านบาท หรือ 136% เนื่องจากภาษีเงินได้ลดลง 121.67 ล้านบาท หรือลดลง699.2% จากค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 17.40 ล้านบาท เป็นรายได้ภาษีเงินได้ 104.27 ล้านบาท เนื่องจากผลของคดีที่บริษัทในฐานะผู้ค้ำประกันยื่นฟ้องล้มละลายบริษัทที่เกี่ยวข้องกันแห่งหนึ่งได้สิ้นสุดแล้ว เป็นผลให้บริษัทสามารถใช้สิทธิทางภาษีจากค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่ได้บันทึกไว้ในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลในงวดก่อนๆ
ขณะที่ยอดขายรวมลดลง 233.36 ล้านบาท (29.0%) จาก 805.03 ล้านบาท เหลือ 571.67 ล้านบาท เนื่องจากราคาตลาดวัตถุดิบหลัก (เหล็ก) ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้องปรับราคาขายสินค้าลงตามราคาวัตถุดิบ ส่งผลให้ลูกค้าชะลอการสั่งซื้อบางส่วนเพื่อดูสถานการณ์ตลาดเหล็ก นอกจากนี้ยังเกิดจากผลกระทบจากค่าเงินยูโรที่อ่อนตัว
ทั้งนี้ บล.เออีซี ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น SMPC ให้ราคาเป้าหมาย 7.40 บาท/หุ้น ช่วง 2Q58 กำไรปกติลดลง 14.9%YoY และแม้ปี 58 คาดกำไรปกติหดตัว 6%YoY แต่จากการฟื้นตัวของราคาเหล็กโลกและคำสั่งซื้อถังแก๊สในตลาดแอฟริกาที่ยังสดใสคาดจะหนุนให้พลิกมาโต 28%YoY ในปี 59
ด้าน บล.เคทีบี(ประเทศไทย)ระบุว่า SMPC ราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA Consensus 7.40 บาท) ไตรมาส 2/58 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 163 ล้านบาท เติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1/58 ที่มีกำไรสุทธิ 50.54 ล้านบาท และเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 69.07 ล้านบาท ซึ่งดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ
บริษัทฯให้ความสำคัญกับการขยายตลาดในต่างประเทศ เนื่องจากผู้บริหารประเมินว่าความต้องการใช้แก๊ส LPG ในต่างประเทศยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังจากราคา LPG ในตลาดโลกปรับตัวลดลง โดยเฉพาะประเทศที่กำลังพัฒนาในโซนแอฟริกาและเอเชีย ซึ่งส่งผลบวกต่อบริษัทฯที่เป็นผู้ผลิตถังบรรจุแก๊ส LPG ปีนี้ผู้บริหารคาดว่ากำไรสุทธิจะโตในทิศทางเดียวกับยอดขายที่ตั้งเป้าไว้ที่ 15-20% จากปี 2557 ที่ทำยอดขายไว้ที่ 3 พันลบ. และกำไรสุทธิ 275 ลบ. เนื่องจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง เพราะรายได้หลักของบริษัทฯมาจากต่างประเทศกว่า 80% อีกทั้งบริษัทมีการขยายกำลังการผลิตโรงงานถังซ่อมและเพิ่มประเภทถังบรรจุขนาดใหญ่ ซึ่งช่วยเพิ่มยอดขายและกำไรให้แก่บริษัทฯ
อย่างไรก็ตาม บล.ฟินันเซีย ไซรัส มีมุมมองว่า กำไรสุทธิ 2Q15 ที่รายงาน 163 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นรายการพิเศษ หากตัดรายการดังกล่าวออกไป กำไรหลักทำได้เพียง 59 ล้านบาท -8% Q-Q, -32% Y-Y น่าผิดหวังมากเพราะลูกค้าชะลอคำสั่งซื้อตามทิศทางราคาเหล็กที่อ่อนตัว (-50% YTD) และการประมูลงานใหญ่ในตะวันออกกลางเลื่อนออกไป แนวโน้มไม่สดใสเหมือนเดิม เราปรับกำไรปี 2015-16 ลง 23% และ 26% ทำให้กำไรปีนี้หดตัว 15% Y-Y ปีหน้าโตเพียง 8% Y-Y ปรับราคาเป้าหมายลงเหลือ 5.25 บาท ลดคำแนะนำเป็นขาย จากเดิมซื้อ