สำหรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในปีนี้ยังคงมุ่งเน้นการบริหารจัดการต้นทุนค่าขนส่งและสต๊อกสินค้าสำหรับธุรกิจใน ต่างประเทศให้อยู่ระดับที่เหมาะสม ควบคู่ไปกับการหาโอกาสในการจำหน่ายก๊าซ LPG ทั้งในและต่างประเทศเพื่อสร้างผลประกอบการให้เติบโตขึ้นในอนาคต และในปีนี้บริษัทได้ตั้งงบลงทุนไว้ราว 500 ล้านบาท เพื่อเพิ่มยอดจำหน่ายภายในประเทศ โดยการสร้างสถานีบริการก๊าซ LPG แห่งใหม่จำนวน 5 แห่ง และผลิตถังก๊าซ LPG ขนาดสำหรับใช้ในครัวเรือนเพื่อให้มีถังก๊าซหมุนเวียนในตลาดมากขึ้น
SGP ชี้แจงผลการดำเนินงานไตรมาส 2/58 ของบริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 402.99 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 519.88 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2557 ซึ่งมีผลขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 95.98 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ มีรายได้รวม 15,258.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 527.44 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.58 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมียอดขายที่เพิ่มขึ้น โดยไตรมาสที่ 2/58 มียอดขายเท่ากับ 6.81 แสนตัน เพิ่มขึ้น 1.14 แสนตันหรือร้อยละ 20.1
“ผลประกอบการในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา สามารถพลิกกลับมามีกำไร 402.99 ล้านบาท ได้เมื่อเปรียบเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 95.98 ล้านบาท เนื่องจากในไตรมาสที่ 2 ราคาก๊าซ LPG ตลาดโลกมีการปรับตัวอยู่ในกรอบมาร์จิ้นการขายของบริษัทสำหรับธุรกิจในต่าง ประเทศ จึงไม่ได้รับผลกระทบมากนักในเดือนที่มีการปรับตัวลดลงของราคา LPG อีกทั้งธุรกิจในประเทศไทยยังคงมีผลประกอบการที่ดี และไม่ได้รับผลกระทบจากราคา LPG ในตลาดโลก เนื่องจากต้นทุนและราคาขายปลีก LPG ยังคงควบคุมโดยภาครัฐ"
งวด 6 เดือน (สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 58) บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 403.35 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุน 265.78 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 251.8 เนื่องจากบริษัทฯ มียอดขาย 6 เดือนเพิ่มขึ้น โดยยอดขายรวม 6 เดือนเท่ากับ 1.27 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 0.19 ล้านตัน หรือร้อยละ 17.59 ประกอบกับราคาก๊าซ LPG ตลาดโลก 6 เดือนปี 58 ปรับตัวลดลง 137.50 เหรียญสหรัฐต่อตัน เมื่อเปรียบเทียบกับปี 57 ที่ปรับตัวลดลงกว่า 327.50 เหรียญสหรัฐต่อตัน