"อัตรากำไรขั้นต้นแม้ว่าจะลดลง แต่ตัวเลขเม็ดเงินไม่ได้ลดลงตาม แต่ทั้งปีก็โตไม่มาก เพราะฐานใหญ่ขึ้นจากสาขาที่เพิ่มขึ้น ซึ่ง 6 เดือนแรกกำไร 1.53 พันล้านบาท โต 2% จาก 6 เดือนปีก่อนที่ 1.5 พันล้านบาท"นางสาววรรณี กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทยังคงเป้ายอดขายรวมปีนี้เติบโต 10-15% จากปีก่อนที่มียอดขายรวม 4.5 หมื่นล้านบาท ปัจจัยสนับสนุนมาจากยอดขายของสาขาเดิม (SSSG)โดยเฉพาะในกรุงเทพฯยังเป็นบวก แม้ว่ากำลังซื้อของตลาดจะชะลอตัวลง ซึ่งส่วนใหญ่จะไปกระทบในยอดขายของสาขาเดิมในต่างจังหวัดที่คาดว่าจะติดลบต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกที่ติดลบ 5-6% จากภาวะเศรษฐกิจยังคงชะลอตัวกระทบกำลังซื้อของผู้บริโภค ทำให้ตลาดค้าปลีกในปีนี้จะไม่ขยายตัว ปัจจัยหลักมาจากการหดตัวของตลาดต่างจังหวัดที่ได้รับกระทบจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ
"กลยุทธ์ของเราในการกระตุ้นยอดขาย ก็มีการจัดเคมเปญในบางจังหวัดที่มีกำลังซื้อค่อนข้างดี อย่างเช่น ข่อนแก่น ซึ่งเป็นการจัดเคมเปญแบบเลือกเฉพาะ โดยเชื่อมั่นว่าในช่วงไตรมาส 4 นี้ จะเป็นไตรมาสที่มียอดขายเติบโตสูงที่สุด"นางสาววรรณี กล่าว
ขณะที่รายได้จากค่าเช่าในปีนี้ยังเติบโตได้ราว 13% โดยมาจากการขยายพื้นที่เช่าของโครงการหัวหินบาซาร์ ชั้นใต้ดิน ซึ่งปัจจุบันมีอัตราการเช่าอยู่ที่ 90% แล้ว และการขายพื้นที่เช่าของโฮมโปร สาขาสุวรรณภูมิเพิ่มอีก 24,000 ตารางเมตร ทำให้รายได้ค่าเช่าปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันอัตราการเช่าของโฮมโปร สาขาสุวรรณภูมิอยุ่ที่ 90% เช่นกัน
นางสาววรรณี กล่าวอีกว่า การขยายสาขาช่วงที่เหลือของปีจะเปิดสาขาโฮมโปรอีก 1 สาขาที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร และสาขาเมก้า โฮม อีก 1 สาขาที่อรัญประเทศ โดยครึ่งปีแรกเปิดสาขาโฮมโปรและเมก้ารวมกัน 8 สาขา เงินลงทุน 6 พันล้านบาท ซึ่งลดลงจากงบลงทุนปกติที่ตั้งไว้ 8 พันล้านบาท เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจไทยที่ยังชะลอตัวอยู่ ทำให้สาขาขาใหม่ไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่มาก โดยพื้นที่สาขาจะลดลงมาอยู่ที่ 4,000 ตารางเมตร จากเดิม 7,000 ตารางเมตร ทั้งนี้สิ้นปี 58 จะมีสาขาโฮมโปรทั้งหมด 76 สาขา และสาเขาเมก้า โฮม 7 สาขา และโฮมโปร สาขามาเลเซีย 1 สาขา
อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าจะเปิดสาขาที่ 2 ในประเทศมาเลเซียภายในปลายปี 59