บริษัทได้เปิดการขายโครงการ เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 71 สำหรับชาวต่างชาติพร้อมกันใน 3 ประเทศ ได้แก่ ฮ่องกง สิงคโปร์และไต้หวันในวันที่ 1-2 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งปรากฎว่ามีลูกค้าชาวต่างชาติเข้าร่วมงานโรดโชว์ถึงกว่า 1,500 คน และให้ความสนใจโครงการเกินจากเป้าโควต้าที่วางขายไว้ในต่างประเทศจนต้องเพิ่มจำนวนยูนิตในการเปิดขาย เนื่องจากนักลงทุนในทั้ง 3 ประเทศรู้จักประเทศไทยเป็นอย่างดีและมองว่าการลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรุงเทพฯ มีต้นทุนในการลงทุนน้อย ขณะที่ให้ผลตอบแทนจากค่าเช่าถึง 5-7% ซึ่งมากกว่าการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศอื่น
ขณะที่ลูกค้าคนไทยให้ความสนใจโครงการเดอะ ไลน์ สุขุมวิท 71 จากการเปิดขายพรีเซลล์ในวันที่ 8-9 ส.ค.จากความสำเร็จด้านจุดเด่นของโครงการซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมแบบไฮไรซ์ Fully Furnished ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Opportunity is Everything, Location is Everything" โอกาสทางธุรกิจและที่อยู่อาศัยในอนาคต ด้วยศักยภาพโครงการที่ใกล้สถานี BTS พระโขนงเพียง 400 เมตร และเส้นทางต่างๆ ที่เชื่อมต่อโซนสำคัญได้รอบด้าน รวมทั้งยังเป็นแหล่งรวมไลฟ์สไตล์แห่งใหม่ย่านเอกมัยและทองหล่อ จนส่งผลให้ปิดการขายโครงการมูลค่ารวม 2,000 ล้านบาทในที่สุด
"นับเป็นโครงการที่ 3 ของแสนสิริในปีนี้ที่สามารถปิดการขายได้ทันทีในวันพรีเซลล์ ส่งผลให้ยอดขายของแสนสิริในขณะนี้ พุ่งสูงไปถึง 18,000 ล้านบาทในขณะนี้ โดยหลังจากนี้จะเดินหน้าเปิดตัวคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ THE LINE (เดอะ ไลน์) ตามแผนต่อเนื่องทันที"นายอุทัย กล่าว
สำหรับแนวโน้มของคอนโดมิเนียมในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่ายังคงเติบโตได้ดีตามสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่มีการฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยคอนโดมิเนียมระดับราคาบนยังคึกคักตามกำลังซื้อของลูกค้าที่ดีต่อเนื่อง เนื่องจากลูกค้ายังมีกำลังซื้อและความต้องการ รวมทั้งยังเป็นการลงทุนระยะยาวและซื้อไว้เพื่อเป็นมรดก สำหรับปัจจัยที่สำคัญที่จะทำให้การพัฒนาโครงการประสบความสำเร็จ คือศักยภาพของทำเลและการออกแบบโครงการที่ตอบรับความต้องการของลูกค้า ซึ่งแสนสิริยังคงมุ่งมั่นพัฒนาโครงการในทำเลที่มีศักยภาพและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในช่วงครึ่งปีหลังโดยเตรียมจะเปิดตัวโครงการใหม่ในเร็วๆ นี้