"พลังงานทดแทนยังคงเป็นพระเอกที่ทำให้ GUNKUL เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากรายได้จะไม่ผันผวนเหมือนงานรับเหมาก่อสร้าง อีกทั้งยังมีมาร์จิ้นที่ดีกว่า ซึ่งเมื่อผนึกเข้ากับธุรกิจอื่นๆ ที่บริษัทดำเนินการอยู่แล้ว ทำให้มั่นใจได้ว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ อย่างแน่นอน"นายสมบูรณ์ กล่าว
นายสมบูรณ์ กล่าวอีกว่า สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2/58 มีกำไรสุทธิ 173.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67.49% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน มีกำไรสุทธิเท่ากับ 221.53 ล้านบาท ลดลง 86.91 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากรายได้รวมลดลง เพราะผลกระทบจากกรณีลูกค้าได้รับอนุมัติใบอนุญาตจำหน่ายไฟฟ้า (PPA)ล่าช้า และภาครัฐมีการเลื่อนการประกาศการตอบรับการซื้อไฟฟ้าประเภทต่างๆ ออกไปจากเดิม
โดยรายได้รวมงวด 6 เดือนเท่ากับ 1,193.70 ล้านบาท ลดลง 29.39% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรายได้จากการรับเหมาก่อสร้างลดลง เพราะรัฐบาลเลื่อนการประกาศการตอบรับการซื้อไฟฟ้าโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน
อย่างไรก็ตามบริษัทมีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 80.4% จากการจำหน่ายอุปกรณ์งานโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าโซล่าร์ฟาร์ม ระบบสายส่งให้กับภาครัฐวิสาหกิจที่เป็นสินค้าประเภทกลุ่ม Hardware รวมถึงรายได้จากการให้บริการที่เพิ่มขึ้นคิดเป็น 30.93% เนื่องจากบริษัทได้รับสัญญาว่าจ้างให้ดูแลและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่สามารถผลิตและจำหน่ายเชิงพาณิชย์ได้จากบริษัทร่วมและลูกค้าภายนอกเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและบริษัทที่ควบคุมร่วมกัน เพิ่มขึ้น 12.31% เนื่องจากบริษัทได้ดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จนสามารถจำหน่ายไฟฟ้า เชิงพาณิชย์เป็นที่เรียบร้อยแล้วครบทุกโครงการ ซึ่งยังส่งผลให้บริษัทได้รับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและบริษัทย่อยที่บริษัทได้ถือสัดส่วนเท่ากับ 26.16 เมกะวัตต์ (โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ดังกล่าวได้รับ Adder 8 บาท เป็นระยะเวลา 10 ปี นับจากวันเริ่มขายไฟเชิงพาณิชย์) ขณะที่ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น 107.35% เนื่องจากบริษัทได้จัดหาแหล่งเงินทุนผ่านตลาดตราสารหนี้เพิ่มขึ้น เพื่อใช้เป็นเงินลงทุนในบริษัทย่อย (บริษัท พัฒนาพลังงานลม จำกัด) สำหรับดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าจากพลังงานลม ขนาด 60 เมกะวัตต์