ค่าการกลั่น(GRM)ในช่วงไตรมาส 3/58 คาดว่าจะต่ำกว่า 10 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากไตรมาส 2/58 อยู่ที่ 10.41 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หลังแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทมองกรอบการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบในครึ่งปีหลังอยู่ที่ 47-62 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ขณะที่ยังต้องจับตาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ที่คาดว่าจะมีขึ้นในไตรมาส 3/58 ซึ่งหากมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวลง แต่ก็คาดว่าราคาน้ำมันจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในไตรมาส 4/58 เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่น ที่มีความต้องการใช้น้ำมันมากขึ้น ทำให้บริษัทมองราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ 57 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ด้านส่วนต่าง(สเปรด)ราคาน้ำมันดิบ ดูไบ และราคาน้ำมันเบนซิน ในช่วงครึ่งปีหลังอยู่ที่ 15 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยความต้องการใช้น้ำมันเบนซินมากที่สุดจะอยู่ในช่วงไตรมาส 3/58 ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลการท่องเที่ยวของสหรัฐฯ ซึ่งเสปรดจะสูงขึ้นในไตรมาส 3/58 และจะลดลงในช่วงก.ย. และไตรมาส 4/58 โดยมองว่าสเปรดน้ำมันเบนซินสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 16.3 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ขณะที่ส่วนต่างราคาน้ำมันดิบ ดูไบ และราคาน้ำมันดีเซล ช่วงครึ่งปีหลังมองว่าจะอยู่ที่ 10.5 เหรีญสหรัฐ/บาร์เรล และทั้งปีเฉลี่ยจะอยู่ที่ 12.8 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และส่วนต่างราคาน้ำมันดิบ ดูไบ และราคาน้ำมันเตา ในช่วงครึ่งปีหลังจะยังติดลบ 6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากครึ่งปีแรกติดลบ 7 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันเตาในไตรมาส 4/58 จะมีเข้ามาเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากความต้องการของโรงกลั่นในประเทศจีนมีเพิ่มขึ้น และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เปิดทำการอีกครั้ง ช่วยให้ความต้องการน้ำมันเตาเพิ่มขึ้น
สำหรับแผนการขยายกำลังการผลิตธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมนั้น ที่ดำเนินการโดย Nido Petroleum Limited (Nido) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยนั้น บริษัทวางเป้าหมายเพิ่มการผลิตปิโตรเลียมเป็น 20,000 บาร์เรล/วัน ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันอยู่ที่ 3,000-4,000 บาร์เรล/วัน โดยบริษัทมองหาการซื้อแหล่งผลิตใหม่ๆในอาเซียนเพิ่มเติม ขณะที่มีเงินลงทุนเหลือสำหรับการใช้ซื้อกิจการแหล่งผลิตใหม่อยู่ที่ 2 พันล้านบาท
นางเสาวภาพ กล่าวว่า ส่วนแผนการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าเป็นระดับ 250 เมกะวัตต์ในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันที่มีอยู่ 118 เมกะวัตต์นั้น คงไม่สามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากเกิดความล่าช้าในการศึกษาและประเมินมูลค่าสินทรัพย์ของโครงการโซลาร์ฟาร์มที่บริษัทจะทำการเข้าซื้อ อย่างเช่น โครการโซลาร์ฟาร์มในประเทศญี่ปุ่น 30 เมกะวัตต์ ซึ่งยังอยู่ในช่วงการประเมินมูลค่าสินทรัพย์กับสถาบันการเงิน โดยยังไม่มีความชัดเจนว่าจะทำการเข้าซื้อสำเร็จในปีนี้หรือไม่ อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทจะรับรู้ EBITDA โครงการผลิตไฟฟ้าที่มีอยู่ 118 เมกะวัตต์ได้เต็มปีที่ระดับ 2.75 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 2.5 พันล้านบาทในปีก่อน