MTLS เพิ่มเป้าสินเชื่อใหม่ปีนี้โต 50%มาที่ 1.8 หมื่นลบ. จากเดิมคาดโต 30%

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 11, 2015 10:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เมืองไทย ลิสซิ่ง (MTLS) เปิดเผยว่า บริษัทฯปรับเพิ่มเป้ายอดปล่อยสินเชื่อใหม่ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 50% หรือมียอดปล่อยสินเชื่อไม่ต่ำกว่า 18,000 ล้านบาท จากเดิมตั้งเป้าไว้ที่เติบโต 30%

ขณะที่กำไรสุทธิก็จะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 50% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 544 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตในทิศทางเดียวกับยอดปล่อยสินเชื่อใหม่ โดยหลังจากที่สถานการณ์ภัยแล้งคลี่คลาย ทำให้ความเชื่อมั่นว่าความต้องการสินเชื่อจะเพิ่มมากขึ้น และบริษัทฯออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ 2 ชนิด คือ นาโนไฟแนนซ์ ที่ตั้งเป้าปล่อยกู้ 10 ล้านบาท/เดือน จากฐานลูกค้าปัจจุบันที่มีกว่า 800,000 ราย และสินเชื่อที่ดิน ที่ลูกค้าให้ความสนใจและเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นด้วย

ทั้งนี้ บริษัทฯเตรียมเปิดสาขาใหม่อีก 80 สาขา ในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะทำให้บริษัทฯมีสาขาเพิ่มเป็น 850 สาขา ภายในปี 58 และในปี 59-60 เตรียมเปิดสาขาใหม่เพิ่มปีละ 300 สาขา ทั่วประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการสินเชื่อของประชาชนทั่วไปที่ยังมีข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง นายชูชาติ กล่าวว่า ผลประกอบการจะขยายตัวได้ดีกว่าครึ่งปีแรก พร้อมตั้งเป้าระยะยาว 3 ปี (58-60) ยอดปล่อยสินเชื่อใหม่จะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 50% ซึ่งเป็นการเติบโตตามการขยายสาขาของบริษัทฯ ในขณะเดียวกันก็ยังได้มีการจัดแคมเปญช่วยเหลือลูกค้าในระดับรากหญ้า โดยถ้าหากลูกค้าคืนหนี้ทั้งหมดก่อนกำหนดบริษัทฯจะคิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 60% ของดอกเบี้ยทั้งหมด เพิ่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย และเพิ่มสภาพคล่องให้กับลูกค้า

"เราเชื่อว่ากำไรสุทธิปีนี้จะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 50% ซึ่งเป็นการเติบโตไปในทิศทางเดียวกับยอดปล่อยสินเชื่อใหม่ โดยหลังจากสถานการณ์ต่างๆเริ่มปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้ประชนเริ่มมีความมั่นใจ และต้องการสินเชื่อมากขึ้น ในขณะเดียวกันการขยายสาขาในช่วงที่ผ่านมาก็เริ่มส่งผลให้ยอดปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นด้วย และในช่วงที่ผ่านมายอดปล่อยกู้เฉลี่ยสูงถึง 1.5 พันล้านบาท/เดือน สะท้อนถึงความต้องการสินเชื่อของคนระดับรากหญ้ายังมีอยู่มาก"นายชูชาติ กล่าว

นายชูชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯตั้งเป้าที่จะรักษาระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ณ สิ้นปีให้ใกล้เคียงกับระดับในปัจจุบันที่ 1.14% และอาจจะมีแนวโน้มที่ลดลง จากการที่บริษัทฯมีการบริหารจัดการความเสี่ยงได้ค่อนข้างดี และมีทีมงานที่ดีช่วยให้สามารถติดตามหนี้ได้ค่อนข้างดี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ