"เรามีทำเลที่เรามองไว้แล้วแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเราต้องรอสรุปเรื่องพันธมิตรที่จะเข้ามาลงทุนก่อน โดยพันธมิตรที่จะเข้ามานั้นทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์อยู่แล้ว โดยเราจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในโครงการดังกล่าว"นายสิทธิพร กล่าว
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการปีนี้ บริษัทมั่นใจว่ารายได้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 4,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทฯมียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่า 5,224 ล้านบาท โดยจะรับรู้เป็นรายได้ภายในปีนี้ราว 2,313 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 2,911 ล้านบาทจะทยอยรับรู้ฯ ในปี 59
ขณะที่ช่วงครึ่งปีหลังบริษัทเตรียมเปิดโครงการใหม่อีก 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 8,000 ล้านบาท คือโครงการคอนโดมิเนียมที่ ต.แพรกษา จ.สมุทรปราการ มูลค่า 4,000 ล้านบาท จำนวน 1,000 ยูนิต และโครงการที่รังสิตคลอง 1 มูลค่า 4,000 ล้านบาท โดยจะเริ่มเปิดขายในไตรมาส 4/58 เพื่อทยอยรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์อย่างต่อเนื่องในช่วงปี 59-60
นายสิทธิพร กล่าวว่า สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในขณะนี้ยังคงชะลอตัว แต่อีกด้านหนึ่งก็ได้รับผลดีจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำและต้นทุนการก่อสร้างลดลง โดยเฉพาะต้นทุนราคาเหล็กลดลง ทำให้บริษัทสามารถปรับลดราคาขายโครงการให้จูงใจมากขึ้น ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะใช้กลยุทธ์การร่วมมือกับธนาคารเพื่อให้สิทธิพิเศษกับลูกค้าที่ซื้อโครงการอยู่ฟรี 2 ปีแรก หรือ 2 ปีแรกผ่อน 1,000 บาท/เดือน
"ปีนี้เรามั่นใจว่ารายได้ของเราจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เพราะครึ่งปีแรกเราก็ทำได้ตาเป้าแล้ว และครึ่งปีหลังเราก็มี Backlog รองรับไว้แล้ว สำหรับสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ยังถือว่าชะลอตัวอยู่ แต่ก็ยังได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ และต้นทุนที่ต่ำทำให้สามารถลดราคาขายให้กับลูกค้าได้ นอกจากนี้เราก็ได้มีแคมเปญ เพื่อกระตุ้นตลาดอีกด้วย ส่วนยอดปฎิเสธสินเชื่ออยู่ที่ 10% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำ"นายสิทธิพร กล่าว