แนวทางในการบุกตลาดต่างประเทศนั้น จะเน้นขยายตลาดในภูมิภาคอาเซียน อาทิ มาเลเซีย ลาว สิงคโปร์ โดยจะเข้าไปขยายฐานลูกค้าในส่วนของ โรงไฟฟ้าพลังงานแทดแทน อาทิ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และโรงไฟฟ้าชีวมวล ที่ขณะนี้กำลังมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นมาก ประกอบกับได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐ และยังเป็นตลาดใหญ่ของอุปกรณ์หม้อแปลงไฟฟ้า
ส่วนตลาดในประเทศนั้น บริษัทจะขยายฐานลูกค้าในส่วนของภาคอสังหาริมทรัพย์ ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเภทอาคารที่พักอาศัยตามแนวรถไฟฟ้าสีต่างๆ ซึ่งยังมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการเข้าประมูลงานจากภาครัฐ คือ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.)
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้บริษัทฯ ได้รับงานของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) มูลค่า 182 ล้านบาท ล่าสุด คว้างานการไฟฟ้านครหลวงมาอีกประมาณ 155 ล้านบาท ทำให้ปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog)อยู่ที่ระดับ 550 ล้านบาท โดยจะรับรู้รายได้ทั้งหมดภายในปี 58 มั่นใจว่ารายได้ปี 58 จะเติบโตที่ระดับ 1,000 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นประมาณ 30% จากปีก่อน
สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 2/58 (งบเฉพาะกิจการ) บริษัทฯ มีรายได้รวม 187 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 135 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 0.66 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 4.2 ล้านบาท โดยสาเหตุที่ไตรมาส 2/58 มีกำไร มาจาก ปีนี้ภาครัฐเริ่มมีการเปิดประมูลงาน ประกอบกับการได้งานลอตใหญ่จากลูกค้ากลุ่มพลังงานทดแทน