(เพิ่มเติม) CBG เป้าลดรายได้ปีนี้เหลือโต 10% จาก 20% แต่กำไรยังโตตามคาด 35-40%

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 11, 2015 18:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวณัฐไม ถนอมบูรณ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ บมจ.คาราบาวกรุ๊ป(CBG) ปรับลดเป้ารายได้ในปีนี้เหลือเติบโตราว 10% จากเดิมตั้งไว้ที่ 20% เนื่องจากเศรษฐกิจที่ซบเซาทำให้กำลังซื้อหดตัว เห็นได้จากอัตราการบริโภคต่อวัน วันละ 2 ขวด ลดลงมาเหลือเพียง 1 ขวดเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ในแง่ของกำไรคาดว่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 35-40% สาเหตุหลักมาจากการลดต้นทุนการผลิต โดยเฉพาะค่าขวดบรรจุ ทำได้มากกว่าที่คาดไว้
"กำไรสุทธิปีนี้ยังคงเป้าหมายเติบโต 35-40% ซึ่งจะเป็นการเติบโตตามรายได้ ขณะที่ต้นทุนการผลิตก็ยังคงลดลงจากการผลิตบรรจุภัณฑ์ขวดแก้วเอง ประกอบกับได้รับอานิสงค์จากราคาน้ำมันปรับตัวลง รวมถึบไม่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายหลังจากจ่ายชำระคืนหนี้สินทั้งหมด และ อัตราภาษีลดลง"นางสาวณัฐไม กล่าว

สำหรับสัดส่วนรายได้จากการส่งออกนั้น ในปีนี้ตลาดหลักยังเป็๋นกลุ่มประเทศ CLMV ที่ยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยประเทศกัมพูชามีสัดส่วนยอดขายอยู่ที่ 40% เวียดนาม 80% ส่วนพม่าได้รับผลกระทบจากการปิดด่านการค้าบางจุด ทำให้ยอดขายชะลอตัว แต่บริษัทก็มีการส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปประจำในพม่าและลาวเพื่อจัดจำหน่ายเองเพราะถือว่ามีกำลังซื้อที่ดีอยู่

ขณะที่การส่งออกไปยังประเทศอัฟกานิสถานและเยเมน แม้จะมีปัญหาด้านเศรษฐกิจและการเมือง แต่บริษัทฯก็ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก โดยยังคงมีการส่งออกไปยังประเทศดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง และมีแผนเพิ่มยอดขายต่างประเทศในส่วนอื่นๆ เช่น จีนและอังกฤษ

ด้านตลาดในประเทศนั้น ช่วงครึ่งปีหลังเชื่อว่าในหลายธุรกิจยังคงรอความชัดเจนการลงทุนของภาครัฐทั้งโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่จะเข้ามาช่วยเสริมการจ้างงานให้กับแรงงานระดับล่าง ทำให้การจับจ่ายใช้สอยปรับตัวดีขึ้น โดยกลยุทธ์ทางการตลาดของบริษัทฯก็ยังมีแผนจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ แต่ก็ต้องรอดูสภาพการตลาดประกอบด้วย และยังเดินหน้าลงทุน400 ล้านบาทเพื่อขยายกำลังการผลิตเครื่องดื่มชูกำลังชนิดกระป๋องจาก 350 ล้านกระป๋องต่อปี เพิ่มเป็น 700 ล้านกระป๋องต่อปี

นางสาวณัฐไม กล่าวว่า บริษัทฯยังคงมองหาโอกาสที่จะขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศทั่วโลก ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ทั้งการร่วมมือกันกับพาร์ทเนอร์ หรือเข้าไปลงทุนเอง เนื่องจากยังมีเงินเหลือจากการระดมทุนด้วยการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป(IPO)ราว 1,000 ล้านบาท มองว่าจะนำไปต่อยอดการพัฒนาธุรกิจในลักษณะการเข้าซื้อกิจการ เพื่อให้เกิดประโยชน์ในทั้ง 2 ฝ่าย และช่วยลดต้นทุนการผลิต โดยเปิดกว้างทั้งกิจการในประเทศและต่างประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ