โดยเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2558 LMG ได้ดำเนินการตามมติของคณะกรรมการบริษัท เข้าลงนามในสัญญาจะซื้อจะขายหุ้นกับกลุ่มผู้ถือหุ้นของ SPW เพื่อซื้อหุ้นจำนวนดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ซึ่งภายหลังจากการได้มาซึ่งสินทรัพย์ของ SPW ทำให้บริษัท วิสดอม พาร์ทเนอร์ส คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ถือหุ้นเดิมของ SPW มีส่วนการถือหุ้นเท่าเดิม คิดเป็นอัตราร้อยละ 49 และบริษัท ไลฟ์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มีสัดส่วนการถือหุ้น คิดเป็นอัตราร้อยละ 51
ทั้งนี้ LMG ถือเป็นบริษัทชั้นนำด้านสื่อสามารถให้บริการได้แบบครบวงจร ส่วนสาเหตุที่ LMG เข้าซื้อกิจการของ SPW ในครั้งนี้ นอกจากจะได้บอสใหญ่ของ SPW คือ นายสฤษฎกุล แจ่มสมบูรณ์และทีมงานเข้ามาถือหุ้นและช่วยบริหารแล้ว ยังถือเป็นความลงตัวในแง่ของกลยุทธ์เชิงธุรกิจ และเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันให้กับกลุ่มธุรกิจหลักของบริษัทฯ รวมถึงการเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ของ SPW ในฐานะบริษัทย่อยได้ทันที และเชื่อว่านับต่อจากนี้โครงสร้างธุรกิจของเครือบริษัทฯ จะแข็งแกร่งและเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
“การเข้าซื้อกิจการของ SPW ในครั้งนี้ LMG ได้จัดหาแหล่งเงินทุนในการเข้าซื้อกิจการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งที่มาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ ในการชำระเป็นเงินสด และชำระด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุน ซึ่งเรามีความมั่นใจว่า การเป็นหนึ่งเดียวกับกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพนี้ จะได้รับประโยชน์ทั้งในแง่ของรายได้ และกำไรที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งเป็นการเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันทางธุรกิจในอนาคตให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าจะผลักดันธุรกิจในเครือมีเติบโตอย่างยั่งยืนต่อเนื่อง และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาวต่อไป"
ม.ล.ศานติดิศ กล่าวต่อถึง ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2558 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2558 ของบริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิเท่ากับ 21.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งขาดทุนสุทธิจำนวน 6.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 27.24 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 444.47% เนื่องจากบริษัทได้เข้าไปลงทุนในบริษัท สเตรกา จำกัด(มหาชน) บริษัทย่อย ส่งผลให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจำนวน 194.15 ล้านบาท และรายได้จากการให้เช่าพื้นที่โฆษณาเพิ่มขึ้น จำนวน 7.32 ล้านบาท ในขณะที่อัตราสัดส่วนต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่อรายได้ลดลง จึงทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น ส่วนกำไรสุทธิงวด 6 เดือนเท่ากับ 8.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 24.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.23 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 136.52 %
“ผลประกอบการของ LIVE ในไตรมาสนี้ ถือเป็นจุดสตาร์ทของการเทิร์นอะราวด์ที่ทำให้ทุกคนมองเห็นได้อย่างเป็นรูปธรรม และเรายังคงมุ่งมั่นที่จะทำให้มันดีต่อไปเรื่อยๆ โดย LIVE มีนโยบายที่จะสรรหาธุรกิจใหม่ๆ ที่สร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าและความเสี่ยงต่ำ ที่สามารถเข้ามาช่วยเสริมสร้างศักยภาพในธุรกิจเดิมที่มีอยู่ให้แข็งแกร่ง ตามวิสัยทัศน์และพันธกิจของผู้บริหาร เพื่อให้โครงสร้างของเครือบริษัทฯ เติบโตอย่างมีเสถียรภาพต่อไปในอนาคต เคียงคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส มีธรรมาภิบาล ผู้ถือหุ้นสามารถตรวจสอบได้ทุกเวลา"
อย่างไรก็ตาม บมจ.ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น ได้แจ้งขอแก้ไขราคาเสนอขายหุ้นสามัญของบริษัทย่อยดังนี้ จากเดิมจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 44,000,000 หุ้น พาร์ 1 บาท โดยมีราคาเสนอขายหุ้นละ 1.344 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 59,136,000 บาท ให้กับนักลงทุนหรือบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) เป็น ราคาเสนอขายหุ้นละ 1 บาท คิดเป็นมูลค่า 44,000,000 บาท