SC คาดปีนี้รายได้โอกาสทะลุเป้า 1.39 หมื่นลบ.จากครึ่งแรกทำได้ 5.93 พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 14, 2015 10:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC) คาดว่า รายได้ในปีนี้มีดอกาสทะลุเป้าหมายที่วางไว้ 13,900 ล้านบาท หลังจากในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีรายได้แล้ว 5,930 ล้านบาท สำหรับในช่วงที่เหลือของปีเตรียมเปิดอีก 5 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 8.8 พันล้านบาท

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SC กล่าวว่า ผลประกอบการในครึ่งปีแรกที่เติบโตทั้งด้านยอดขาย รายได้ และกำไรของบริษัทนั้นมียอดขายรวม 5,930 ล้านบาท เติบโตขึ้น 71% จากปี 57 ส่วนรายได้รวมเท่ากับ 5,931 ล้านบาท เติบโต 37% ซึ่งเป็นรายได้จากการดำเนินงาน 5,913 ล้านบาทจาก 2 ธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย คิดเป็นสัดส่วน 93% กับรายได้จากธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่าและบริการที่สัดส่วน 7%

ขณะที่บริษัทกำไรสุทธิสูงถึง 658 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58% จากปี 57

"กำไรสุทธิที่เติบโตขึ้นนั้นมาจาก 1 ใน 5 ยุทธศาสตร์“รีดไขมัน ไม่ลดคุณภาพ"โดยบริษัทมีแผนในการลดค่าใช้จ่ายในส่วนที่ ไม่จำเป็น ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อคุณภาพสินค้าและบริการ ทำให้ได้รับกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น จึงมั่นใจว่าปีนี้ SC จะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ทั้งยอดขาย 13,000 ล้านบาท และรายได้ 13,900 ล้านบาท"นายณัฐพงศ์ กล่าว

สำหรับยอดขายและรายได้เติบโตขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกนั้นเนื่องมาจากตลาดระดับลักซ์ชัวรี่มีอัตราการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะโครงการบ้านเดี่ยวระดับราคา 15 ล้านบาทขึ้นไป ของบริษัทมีรายได้ที่เติบโตขึ้นมากกว่า 67% เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกของปีที่ผ่านมา ซึ่งตอกย้ำความเป็นผู้นำอันดับ 1 ของตลาดบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่ นอกจากนี้ ยังได้มีการเปิดตัวคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่โครงการ SALADAENG ONE พร้อมกับโครงการเดอะเครสท์ สุขุมวิท 34 คอนโดมิเนียมสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ ซึ่งปิดการขายแล้ว 100% และโอนเรียบร้อยแล้วได้มากกว่า 50% ของยอด Backlog ทั้งหมด

ทั้งนี้ ตามแผนธุรกิจปี 58 ที่จะเปิด 7 โครงการใหม่ มูลค่ารวมประมาณ 16,000 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาได้เปิดโครงการระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่รวม 2 โครงการ มูลค่าโครงการ 7,000 ล้านบาท คือ คฤหาสน์หรูชั้นนำ โครงการ กรานาดา ปิ่นเกล้า-เพชรเกษม กับคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักซ์ ชัวรี่ โครงการ SALADAENG ONE พร้อมกับในช่วงครึ่งปีหลังที่เดินหน้าเปิดโครงการใหม่ต่อเนื่อง จำนวน 5 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 8,800 ล้านบาท เป็นโครงการบ้านเดี่ยว 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 4,000 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ มูลค่าโครงการกว่า 4,800 ล้านบาท

“ในไตรมาส 3/58 นี้ SC ได้เปิดโครงการบ้านเดี่ยวสไตล์โมเดิร์นที่พัฒนารูปแบบดีไซน์ใหม่ล่าสุด พร้อมกัน 3 โครงการ โดยนับเป็นครั้งแรกที่ SC จะรุกเข้าตลาดใหม่ที่บ้านเดี่ยวระดับราคา 3-5 ล้านบาท ในแบรนด์ใหม่ล่าสุดชื่อ PAVE (เพฟ) ซึ่งตลาดบ้านเดี่ยวระดับราคา 3-5 ล้านบาทนั้น มีความน่าสนใจ เนื่องจากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ตลาดนี้มีมูลค่ายอดขายขนาดใหญ่สุดสูงกว่า 1 ใน 3 ของมูลค่าตลาดบ้านเดี่ยวในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ดังนั้นการรุกเข้าตลาดเซ็กเม้นท์ใหม่นี้เป็นการเพิ่มฐานรายได้ให้กับ SC ตามแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี เพื่อสร้างรายได้ตามเป้าที่วางไว้ 20,000 ล้านบาท ในปี 2562 และมีรายได้รวมเติบโตเฉลี่ยปีละ 10% ตามแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี นอกจากนี้ในปี 2558 นี้ได้เปิดโครงการแรกที่รังสิต พร้อมตั้งเป้ารายได้จากการพัฒนาโครงการเพฟ ให้มีสัดส่วน 10% ของรายได้รวมทั้งหมด

โครงการเพฟ รังสิต มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท ขนาดพื้นที่ 81-2-51.3 ไร่ จำนวน 320 หลัง ราคาเริ่มต้น 3.99 ล้านบาท มีความโดดเด่นในเรื่องทำเลติดถนนใหญ่ถนนรังสิต–นครนายก คลอง 4 พร้อมแวดล้อมด้วยการเชื่อมต่อใกล้ทางด่วนวงแหวนกาญจนาภิเษก ใกล้แหล่งสรรพสินค้าชั้นนำ สถานศึกษา หรือโรงพยาบาลต่างๆ ด้วยแนวคิด “คิดพื้นที่ ให้คุณคิดใช้ชีวิต"

พร้อมกับอีก 2 โครงการใหม่ คือ โครงการ ไลฟ์ บางกอก บูเลอวาร์ด รามอินทรา 65 มูลค่าโครงการ 1,100 ล้านบาท บนพื้นที่ 42-3-9.1ไร่ จำนวน 152 หลัง ราคาเริ่มต้น 6.99 ล้านบาท กับโครงการ ไลฟ์ บางกอก บูเลอวาร์ด ราชพฤกษ์-ปิ่นเกล้า มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท บนพื้นที่ 57-2-98.4 ไร่ จำนวน 271 หลัง ราคาเริ่มต้นเพียง 4.59 ล้านบาท ปัจจุบันนี้ทั้ง 3 โครงการใหม่ได้เปิดพรีเซลส์ ไปแล้ว ซึ่งประสบความสำเร็จในการขายเฟสแรกอย่างรวดเร็ว ได้รับยอดขายรวมกันประมาณ 300 ล้านบาท

นายณัฐพงศ์ กล่าวสรุปถึงสภาพเศรษฐกิจและตลาดอสังหาฯ ในช่วงครึ่งปีหลังว่า จากที่หลายฝ่ายคาดการณ์การเติบโตของ GDP (Gross Domestic Product)ของไทยในปีนี้อยู่ที่ประมาณ 2.5-3.5% ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขประมาณการเมื่อต้นปี โดยมองว่าปัจจัยบวกในช่วงครึ่งปีที่เหลือนั้นจะเป็นเรื่องการเติบโตของภาคท่องเที่ยว ราคาค่าน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ตลอดจนค่าก่อสร้างที่อยู่ในภาวะทรงตัว ส่วนปัจจัยที่น่ากังวล คือ เรื่องของภาคการส่งออกและสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ที่ยังสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมีผลต่อกำลังซื้อและความสามารถในการกู้เพื่อซื้อที่อยู่อาศัย สำหรับตลาดในระดับกลางถึงล่าง

อย่างไรก็ตาม SC มีความมั่นใจว่าจะสามารถทำยอดขายและรายได้ได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากตลาดที่อยู่อาศัยระดับราคา 10 ล้านขึ้นไปยังไปได้ดี โดยรายได้จากตลาดกลุ่มนี้มีสัดส่วนสูงถึง 2 ใน 3 ของรายได้จากโครงการแนวราบทั้งหมดของ SC และตัวเลขยอดปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคาร (Bank Rejection Rate) ของลูกค้า SC สำหรับในครึ่งปีแรกยังอยู่ที่ 5% เท่าปีที่ผ่านมา โดยกลยุทธ์ สร้างบ้านเสร็จก่อนขาย และการทำ pre-approve ก่อนการจอง สามารถช่วยลดความเสี่ยงจากการ กู้ไม่ผ่านได้ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าสภาวะเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร"คุณภาพ"เป็นสิ่งที่ SC ยึดถือเป็นยุทธศาสตร์หลักโดยตลอด เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ