สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 58 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.มีรายได้รวม 976.44 ล้านบาท กำไรสุทธิ 111.33 ล้านบาท
นางเกษรา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 262 ล้านหุ้น ขายผู้ถือหุ้นเดิม (RO) ในราคาส่วนลดไม่เกิน 50% ของราคาตลาด โดยมีเป้าหมายเพื่อเข้าลงทุนใน TTRE สัดส่วน 99.9995% รุกคืบเข้าสู่ธุรกิจไฟฟ้าพลังงานทดแทน ผ่านการร่วมทุนกับบริษัท บี.กริมเพาเวอร์ จำกัด ในโครงการโซลาร์ฟาร์มกำลังการผลิต 46.5 เมกกะวัตต์ มูลค่าโครงการ 3,336 ล้านบาทเพื่อกระจายความเสี่ยงและสร้างความมั่นคงให้บริษัทยิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นธุรกิจที่เสี่ยงน้อย และสร้างรายได้สม่ำเสมอในระยะยาว
ขณะที่ตั้งแต่ต้นปีสามารถทำยอดขายอสังหาริมทรัพย์ได้แล้วกว่า 2.5-2.6 พันล้านบาท ทำให้มั่นใจว่าทั้งปีจะทำได้ 4.5 พันล้านบาทตามเป้าหมาย โดยในช่วงที่เหลือของปีบริษัทจะเปิดโครงการแนวราบอีก 4-5 โครงการ มูลค่ารวม 3-4 พันล้านบาท หลังจากเปิดโครงการคอนโดมิเนียมเดอะนิช ไพร์ด ทองหล่อ-เพชรบุรี มูลค่า 2.23 พันล้านบาทไปแล้ว ในเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา
"ผู้ถือหุ้นยังได้รับสิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนในส่วนที่ขายให้กับ RO ที่เราเตรียมนำเงินที่ได้ไปรุกธุรกิจพลังงานทดแทนเพื่อต่อยอดธุรกิจอสังหาฯ และเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ที่เป็น Recurring Income เพิ่มมากขึ้น ซึ่งนักวิเคราะห์หลายสำนักประเมินว่า เป็นการขยายโอกาสทางธุรกิจ และทำให้ราคาหุ้นมีอัพไซด์ได้อีกมาก เมื่อเทียบกับราคาในปัจจุบัน"นางเกษรา กล่าว
ทั้งนี้ บทวิเคราะห์ บล.เอเอสแอล ระบุว่า แนวโน้มธุรกิจของ SENA คาดว่าจะเติบโตอย่างโดดเด่นในปี 59 ทั้งจากธุรกิจอสังหาฯเดิม และพลังงานทดแทน โดยแนะนำให้ "ซื้อ" ด้วยมูลค่าที่เหมาะสมในปี 59 ที่ 4.80 บาท/หุ้น ด้วยวิธี PER อิง P/E ที่ 9 เท่า คิดเป็นอัพไซด์สูงถึง 40.4% และคาดการณ์อัตราเงินปันผลปี 58-59 ที่ 3.2% และ 4.3% ตามลำดับ
ส่วนบล.แลนด์ แอนด์ เฮาส์ แนะนำ "ซื้อ" SENA ราคาเป้าหมายที่ 4.94 บาท/หุ้น เพื่อให้สอดคล้องกับธุรกิจโซล่าร์ที่จะเข้ามาในปีหน้า และ Backlog คอนโดฯที่มีมาก รวมถึงการขายโครงการเดิมที่น่าจะสดใสขึ้น ทำให้เราคาดว่า SENA จะเป็นหนึ่งในบริษัทที่กำไรโตโดดเด่นมากในปีหน้าถึง +50% YoY และ บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า การก้าวสู่ธุรกิจโซลาร์ฟาร์ม และโซลาร์รูฟ เพื่อเพิ่มความมั่นคงให้กับรายได้และกำไรจะเห็นผลเต็มปีในปี 2559 และหนุนให้กำไรในปี 2559 กลับมาเติบโตสูง 38% yoy โดยราคายังมี upside 35% เทียบกับ FV ปี 2559 ที่ 4.80 บาท จึงแนะนำให้ "ซื้อ"