ด้านภาพรวมอุตสาหกรรมเหล็กในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาค่อนข้างชะลอตัว ตามภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุนของภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ขณะที่ราคาเหล็กในประเทศเองค่อนข้างผันผวนโดยถูกกดดันจากทิศทางราคาเหล็กในตลาดโลกที่อยู่ในภาวะขาลง อย่างไรก็ตามบริษัทได้ทำการปรับกลยุทธ์การดำเนินงานด้านต่างๆอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาผลการดำเนินงานของบริษัทให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี
ทั้งนี้ CSP ได้มีการปรับปรุงขั้นตอนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดการสูญเสีย ให้ความระมัดระวังการบริหารความเสี่ยงด้านความผันผวนของราคาเหล็ก นอกจากนี้ยังเน้นรักษามาตรฐานการบริการลูกค้า เลือกสรรสินค้าให้ตอบโจทย์ความต้องการ รวมทั้งยังคงสร้างความน่าเชื่อถือโดยมุ่งเน้นคุณภาพของผลิตภัณฑ์
"ภาพรวมการดำเนินงานของ CSP แม้ยอดขายจะค่อนข้างซบเซาในช่วงครึ่งปีแรก แต่ด้วยต้นทุนเก่าอยู่ในระดับต่ำ และจากการบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบที่ดีขึ้น ทำให้บริษัทสามารถขายสินค้าในราคาที่ดีขึ้นได้ด้วย ประกอบกับจุดเด่นของบริษัท ในการเป็นผู้ให้บริการแบบครบวงจรและมีการบริหารที่ดี ส่งผลให้แนวโน้มยอดสั่งซื้อเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จึงมองว่าจะเป็นปัจจัยบวกหนุนให้ผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงที่เหลือของปีนี้ค่อยๆปรับตัวดีขึ้นอีกครั้ง"นายวีรศักด์ กล่าว
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/2558 CSP มีรายได้รวม 705 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 330 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิ 44.96 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากความต้องการใช้งานเหล็กประเภทต่างๆหดตัว ส่งผลให้ยอดขายเหล็กแปรรูปประเภทต่างๆชะลอตัวตาม อีกทั้งราคาเหล็กมีการปรับตัวลดลงกว่า 10-20% ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมปีนี้ไว้ที่ 3.2 พันล้านบาท ขณะที่กลุ่มลูกค้าของ CSP นั้นอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ และร้านค้าเป็นหลัก