กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ไทย สมอล์ แอนด์ มิด แคป อิควิตี้ ฟันด์ (UTSME) จะเน้นลงทุนในหุ้นขนาดกลางและเล็กที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มของ SET50 โดยพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐาน มูลค่าหุ้นที่แท้จริง วิเคราะห์บริษัท (Company Visit) เพื่อคัดสรรหุ้นขนาดกลางและเล็กที่มีศักยภาพการเติบโตที่ดีภายใต้การควบคุมความเสี่ยงที่เหมาะสม ด้วยประสบการณ์ของทีมผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญการลงทุนหุ้นไทยเฉลี่ยกว่า 15 ปี
นางสาวณัชชา สุนทรธาราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ สายพัฒนาธุรกิจ บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย)กล่าวว่า “จากการที่บลจ.ยูโอบี มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญการลงทุนหุ้นไทยได้วิเคราะห์ภาวะการลงทุน เล็งเห็นว่าหุ้นขนาดกลางและเล็กในขณะนี้มีระดับราคาที่ปรับตัวลงมาจนถึงระดับที่น่าสนใจ จึงเป็นโอกาสที่จะเข้าลงทุนในหุ้นกลุ่มดังกล่าวเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่า อีกทั้งมีปัจจัยสนับสนุนทั้งนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐและยังมีโอกาสได้รับผลบวกจากแนวโน้มสำคัญในอนาคต (Mega Trend) ซึ่งจะส่งผลดีต่อผลประกอบการของหุ้นขนาดกลางและเล็กในอัตราการเติบโตที่สูงกว่าได้ จึงนำเสนอกองทุนดังกล่าวเพื่อสร้างโอกาสการลงทุนในหุ้นไทยให้กับนักลงทุน"
บลจ.ยูโอบี เชื่อว่า เศรษฐกิจไทยจะเติบโตร้อยละ 3.0 ในปี 2558 แม้ว่าตัวเลขการส่งออกสินค้าและการใช้จ่ายของภาคเอกชนจะปรับตัวลดลง แต่การใช้จ่ายภาครัฐและการท่องเที่ยวที่ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง คาดว่าจะทำให้เศรษฐกิจสามารถเติบโตได้ในระดับที่คาดการณ์ได้ในปีนี้ ด้วยแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานนับตั้งแต่ไตรมาส 3-4 ของปีนี้ไปจนถึงปี 2559 อาทิเช่น รถไฟฟ้าความเร็วสูง รถไฟฟ้ารางคู่ ทางหลวงมอเตอร์เวย์ มูลค่ากว่า 1 ล้านล้านบาท ที่นอกจากจะช่วยกระตุ้นกิจกรรมเศรษฐกิจโดยตรงแล้ว ยังจะส่งผลทางอ้อมในการดึงดูดการลงทุนภาคเอกชน และล่าสุดคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% ด้วยความเห็นว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว และการลดดอกเบี้ย 2 ครั้งก่อนหน้านี้ ถือว่าเพียงพอต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นแล้ว
จากการที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) มีความผันผวนและปรับตัวลดลงต่ำกว่าระดับ 1450 จุด ถือว่าเป็นการสะท้อนภาพความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยไปบ้างแล้ว บลจ.ยูโอบียังคงเชื่อว่าภาพรวมของตลาดหุ้นไทยในระยะยาวยังเป็นมีทิศทางเชิงบวก รวมไปถึงหุ้นขนาดกลางและเล็กที่มีศักยภาพการทำกำไรที่ดี มีแนวโน้มที่จะสามารถสร้างผลตอบแทนได้มากกว่าหุ้นขนาดใหญ่
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE SET Small Cap และ FTSE SET Mid Cap เป็นดัชนีที่สะท้อนหุ้นที่มีขนาดกลางและเล็กของตลาดหุ้นไทย สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าหุ้นขนาดใหญ่ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา โดยสามารถสร้างผลตอบแทนสูงถึง 127.32% และ 197.46% ตามลำดับ* นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากแนวโน้มสำคัญในอนาคต (Mega Trend) ยกตัวอย่างเช่น การประมูลคลื่นความถี่ 4G จะสนับสนุนหุ้นกลุ่มสื่อสารขนาดกลางและเล็กที่จะได้รับประโยชน์จากงานลงทุนติดตั้งอุปกรณ์โครงข่ายและงานบริการที่เกี่ยวข้อง หรือการเปลี่ยนเข้าสู่ยุคทีวีดิจิตอล ซึ่งถือเป็นการเปิดโอกาสให้ธุรกิจขนาดกลางและเล็กมีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น
นอกจากนี้การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน AEC ซึ่งประเทศไทยมีจุดแข็งคือ เป็นผู้ผลิตสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมรายใหญ่และมีที่ตั้งเอื้อต่อการเป็นศูนย์กลางโครงข่ายเชื่อมโยงคมนาคมด้านต่างๆ โดยมีการตั้งเป้าหมายเป็นศูนย์กลางอาเซียนในหลายด้าน เช่น ศูนย์กลางโลจิสติกส์ และศูนย์กลางท่องเที่ยว จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลบวกโดยตรงต่อกลุ่มค้าปลีก กลุ่มขนส่ง และกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและเล็กอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยประมาณการณ์การเติบโตผลประกอบการของหุ้นขนาดกลางและเล็กที่ 12.6% และ 16.7% ตามลำดับ (ที่มา: Bloomberg ข้อมูล ณ วันที่ 28 ก.ค.58)* ซึ่งมีระดับราคาที่ต่ำกว่าหุ้นขนาดใหญ่ บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) จึงเห็นว่าเป็นโอกาสที่จะเข้าลงทุนหุ้นกลุ่มดังกล่าวในขณะนี้