“แนวโน้มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจไฟฟ้าในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 45% จากเดิมอยู่ที่ 37% เนื่องจากในปีที่ผ่านมารับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยประมาณ 16.5 เมกะวัตต์ ก่อนที่จะเพิ่มเป็น 27.5 เมกะวัตต์ ภายในปีนี้ และในปี 2559 จะเพิ่มเป็น 50-60 เมกะวัตต์"นายยุทธ กล่าว
ในปี 58 บริษัทเตรียมงบลงทุนไว้ประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับการเดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ แบ่งเป็นเงินทุนของบริษัทในสัดส่วน 25% และเงินกู้สถาบันการเงินต่างประเทศ 75% ซึ่งต้นทุนต่ำกว่าเมื่อเทียบกับการกู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศไทย
"เรายังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโซลาร์ฟาร์มที่ต่างประเทศ ซึ่งเป็นไปตามแผนการลงทุนโรงไฟฟ้าในต่างประเทศที่กำหนดจะทยอยสร้างโซลาร์ฟาร์มในญี่ปุ่น 6 โครงการ และเรายังคงมองหาลู่ทางการลงทุนในประเทศอื่นเพิ่มเติม ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุน เพื่อสร้างรายได้และผลตอบแทนที่ดีให้กับบริษัท และกระจายความเสี่ยงในการลงทุน"นายยุทธ กล่าว
ส่วนความคืบหน้าการนำบริษัทบ่อพลอย โซล่าร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ EPCO เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงที่ผ่านมาได้มีการตั้งที่ปรึกษาทางการเงินเรียบร้อยแล้ว คาดว่าต้นปีหน้าน่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนตลาดหุ้นได้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมแผนลงทุนในกิจการโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้มีกำลังการผลิตครบ 100 เมกะวัตต์ ก่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯตามแผน
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกของปี 58 มีกำไรสุทธิ 138 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 124.5 ล้านบาท ขณะที่รายได้จากการขายในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 461 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.25 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้จากการขาย 455 ล้านบาท