(เพิ่มเติม) PS มั่นใจปีนี้ยอดขาย-รายได้-กำไรนิวไฮ กวาด backlog แล้ว 2.05 หมื่นลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 14, 2015 14:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเลอศักดิ์ จุลเทศ รองประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท(PS) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าในปีนี้บริษัทจะบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยคาดทั้ว่างกำไรสุทธิ รายได้และยอดขายจะพุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่ เนื่องจากครึ่งแรกกำไรสุทธิโต 4.2% รายได้โต 15.7% และยอดขายโต 33.5% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อนแล้ว และตามฤดูกาลของอุตสาหกรรมปกติทั้งยอดขายและรายได้ครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก โดยไตรมาส 3 จะดีกว่าไตรมาส 2 และไตรมาส 4 จะดีขึ้นอีก
"แนวโน้มรายได้และกำไรปีนี้จะ break record อีกครั้ง เพราะโตทั้งพรีเซล รายได้ และกำไรก็จะทำสถิติสูงสุด เพราะรายได้และยอดขายในไตรมาส 3-4 จะดีกว่าครึ่งแรก ที่เราเติบโตทุกตัว"นายเลอศักดิ์ กล่าว

ทั้งนี้ ผลประกอบการในครึ่งปีแรกมียอดขาย 23,939 ล้านบาท คิดเป็น 51% เทียบกับเป้าหมายทั้งปี 47,000 ล้านบาท และมีรายได้ 21,766 ล้านบาท คิดเป็น 46% เทียบกับเป้ารายได้ทั้งปี 47,000 ล้านบาท และสำหรับในครึ่งปีหลังบริษัทยังมีรายได้ที่รอรับรู้ (Backlog) เหลืออยู่อีก 20,508 ล้านบาท พร้อมทั้งมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย (Active Projects) ณ สิ้นเดือนมิ.ย. 58 จำนวน 181 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 8 หมื่นล้านบาท

ด้านนายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PS เปิดเผยว่า ปีนี้แม้ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศจะยังคงชะลอตัว แต่สำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์ แนวโน้มคาดว่าน่าจะเติบโตเพิ่มขึ้น 15% จากปีที่ผ่านมา สำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลในภาพรวมครึ่งปีแรกของปี 58 จะมีมูลค่าตลาดรวม 179,344 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 31% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่สำหรับ PS มียอดขายเติบโต 33.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและยังคงรักษาส่วนแบ่งการตลาดได้ดี (Market Share) ที่ 12% โดยสามารถครองตำแหน่งผู้นำทาวน์เฮาส์ ที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 33% และบ้านเดี่ยวที่มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 13%

นายทองมา กล่าวว่า ปีนี้บริษัทตั้งงบซื้อที่ดินไว้ 1.4 หมื่นล้านบาท ครึ่งปีแรกใช้ไป 6 พันล้านบาท ซื้อที่ดินราว 30 แปลง ส่วนที่เหลือจะใช้ซื้อที่ดินในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจา แต่เนื่องจากราคาที่ดินปรับสูงขึ้นทั้งที่ดินที่จะใช้พัฒนาโครงการแนวราบและแนวสูง โดยเฉพาะเกาะแนวรถไฟฟ้าปรับขึ้นถึง 10-20% และแหล่งชุมชนหรือทำเลที่มีดีมานด์ผู้อยู่อาศัย ปรับขึ้น 5-10% ทำให้บริษัทจะต้องใช้เวลาในการต่อรองราคาให้เหมาะสมที่สุด

สาเหตุดังกล่าวทำห้ในครึ่งปีแรกเปิดโครงการใหม่ไปได้เพียง 27 โครงการ รวมมูลค่าโครงการประมาณ 2.53 หมื่นล้าบาท จากแผนทั้งปีนี้จะเปิด 70-75 โครงการใหม่ หากคิดจากมูลค่าก็ถือว่าเกือบครึ่งหนึ่งของมูลค่าโครงการรวมที่มีแผนจะเปิดตัวในปีนี้ที่ 5.5-6.1 หมื่นล้านบาท จึงไม่น่ากังวลเพราะถือว่ามูลค่าโครงการยังเป็นไปตามแผนงาน

"การหาซื้อที่ดิน เนื่องจากราคาที่ดินถูกปรับขึ้นเราก็ต้องใช้เวลาเจรจาต่อรอง ทำให้ต้นทุนหาที่ดินปีนี้สูงขึ้น โดยที่เกาะรถไฟฟ้าปรับขึ้น 10-20% เมื่อเทียบ 2-3 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ทีดินในทำเลที่มีดีมานด์ที่อยู่อาศัย เพื่อทำเป็นแนวราบ ปรับขึ้น 5-10%"นายทองมา กล่าว

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าอัตรากำไรสุทธิปีนี้ (Net profit margin) จะต่ำกว่าปีก่อนที่เฉลี่ยอยู่ที่ 15.6% เนื่องจากครึ่งแรกของปีนี้อยู่ที่ 14% และทั้งปีคงไม่สามารถรักษาระดับได้เท่าปีก่อน เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นลดลงจากโครงการที่ใกล้ปิดการขายหรือเหลือขายเพียง 5% ต้องมีการลดราคาและจัดโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขาย ทำให้อัตรากำไรลดลง บวกกับราคาที่ดินที่เพิ่มสูงขึ้นมากด้วยภาวะการแข่งขัน

"เราก็ไม่สามารถเอาสิ่งที่เพิ่มเหล่านี้ไปบวกราคาขายได้ แต่ถึงแม้อัตรากำไรสูทธิจะไม่เท่าปีก่อน แต่ปีนี้แนวโน้มยอดขาย รายได้ บรรลุเป้าแน่...กลยุทธ์ยังคงมุ่งเน้นพัฒนาโครงการทุกเซกเม้นท์ ทั้งลูกค้ากลุ่มรายได้ระดับกลาง บน และล่าง ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ คอนโดฯ มองที่การครีเอทแวร์ลู่ในทุกห่วงโซ่ ที่จะทำให้ลูกค้าพึงพอใจเรื่องบ้าน และมองในอีก 5-10 ปี ก็ยังอยู่ในทิศทางนี้ เพื่อให้ลูกค้าได้รับบ้านที่มีคุณภาพต่อเนื่อง"นายทองมา กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ