แนวโน้มตลาดเครื่องสำอางในช่วงครึ่งปีหลังเชื่อว่ายังสามารถเติบโตได้ เนื่องจากกำลังซื้อของกลุ่มผู้บริโภคระดับกลางถึงระดับบนยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทมีแผนออกโปรโมชั่นต่างๆจัดกิจกรรมเพื่อลูกค้าสมาชิก เพื่อกระตุ้นยอดขาย ออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อตอบรับความต้องการของตลาด ตลอดจนให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ควบคุมต้นทุนให้อยู่ระดับเหมาะสม เพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้น อัตรากำไรสุทธิ ของบริษัทให้อยู่ในเกณฑ์ดี และมีแผนขยายสาขาของทุก Shop Brand ในประเทศจาก 293 สาขาเป็น 334 สาขา
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะแต่งตั้งพันธมิตรเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้า (Distributor) ในประเทศอินโดนีเซียซึ่งได้เริ่มทำธุรกิจในลักษณะค้าส่งกับ BEAUTY นำสินค้าแบรนด์ BEAUTY BUFFET ที่ได้รับความนิยมไปจำหน่ายภายในร้านค้าปลีกที่มีอยู่มากกว่า 10 สาขา และมีกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการสินค้าของ BEAUTY BUFFET อย่างต่อเนื่อง พร้อมคาดว่าในอนาคตจะมีตลาดอื่นๆในเอเชียขยายตามมา
ส่วนตลาด CLMV บริษัทมีการขยายสาขาออกไปรวม 26 สาขา แต่คาดว่ายังสามารถขยายตัวได้อีกเพราะบางประเทศ เช่น เวียดนาม ยังจำหน่ายสินค้าไม่ครบทุกชนิดและมีความต้องการในตลาดสูง
สำหรับผลประกอบการงวดไตรมาส 2/58 บริษัทมีรายได้รวม 405.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 92.23 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 29.40% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 313.69 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 93.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.93 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 54.27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 60.68 ล้านบาท โดยผลประกอบการของบริษัทปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากมีการปรับกลยุทธ์ด้านการบริหารทั้งในส่วนของสำนักงานและสาขาหน้าร้านในเรื่องการจัดการ การบริหารการขายและสินค้า การจัดแคมเปญโปรโมชั่นต่างๆ ให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสิ่งที่ลูกค้าต้องการในปัจจุบัน
อีกทั้งที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล จากผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.58 แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.05 บาทต่อหุ้น หรือ คิดเป็น 88.43% ของกำไรสุทธิ โดยการจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสด คิดเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 150 ล้านบาท โดยจะทำการกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับปันผลในวันที่ 28 ส.ค. 58 และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 14 ก.ย. 58