บมจ. อินเตอร์ฟาร์อีส วิศวการ(IFEC)และบริษัทย่อย ประกาศผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/58 มีกำไรสุทธิ 74.42 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.0423 บาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 21.99 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 0.0232 บาท
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น IFEC แม้ว่าจะปรับประมาณการกำไร และราคาเหมาะสม เพื่อสะท้อนความล่าช้าของทางราชการ ซึ่งส่งผลกระทบต่อโครงการเป้าหมายของ IFEC แต่ขณะเดียวกัน แต่ก็ได้เพิ่มประมาณจากโครงการที่ IFEC ได้มาอย่างเหนือความคาดหมาย เช่น โครงการลม อ.ปากพนัง เฟส 2 ขนาด 8.9MW และ โรงไฟฟ้าขยะ จ.สระแก้ว 6MW ส่งผลให้มูลค่าเหมาะสมซึ่งอิงวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) ได้รับผลกระทบสุทธิไม่มากนัก 10% คงเหลือ 16.10 บาท/ หุ้น fully diluted ซึ่งยังคงมี Upside 76% จึงมองว่าการกำลังจะก้าวผ่านจุดคุ้มทุน และการ COD โครงการพลังงานลมเอกชนแห่งแรกในภาคใต้ จะเป็นตัวสร้างโมเมนตัมที่ดีใน 2H58 นี้
ผลการดำเนินงาน 2Q58 IFEC รายงานกำไรสุทธิ 74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +354% QoQ และ +234% YoY ซึ่งกำไรในไตรมาสนี้ ยังคงถูกผลักดันมาจากรายได้อื่น คือ การขายสินทรัพย์ที่ไม่ได้ใช้ดำเนินงาน 114 ล้านบาท ทำให้เมื่อหักเฉพาะรายการนี้ออก IFEC จะขาดทุน 40 ล้านบาท เท่ากับไตรมาสก่อนหน้า
แนวโน้มผลการดำเนินงานใน 3Q58 ในแง่กำไรสุทธิคาดจะอ่อนตัวลง QoQ จากฐานที่สูงใน 2Q58 และ 3Q57 อย่างไรก็ดี โดยคาดหวังจะเห็นการผ่านจุดคุ้มทุนที่ตัว IFEC และกำไรจากการดำเนินงานแท้จริงใน 4Q58 นอกจากนั้นระหว่างไตรมาส การ COD ที่ อ.ปากพนัง ในเดือน ก.ย. คาดจะให้ sentiment ทีดีต่อราคาหุ้นใน 2H58 นี้
นอกจากนี้ปัจจัยบวกรออยู่คือการประมูลโครงการโซลาร์หน่วยงานราชการใน 3Q58 โดยคาดว่า IFEC มีโอกาสได้งานเพิ่มเติมอีกราว 100 MW หลังได้รับหนังสือตอบรับจากกองทัพเรือแล้ว และเป็น Upside Risk ที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการกำไร