นายณัฐนัย อนันตรัมพร กรรมการผู้จัดการ ILINK กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ากำไรสุทธิปี 58 จะเติบโตได้ราว 300 ล้านบาท ขณะที่รายได้ก็คาดว่าน่าจะมีแนวโน้มเติบโตได้มากกว่า 3,000 ล้านบาท โดยจะมีสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจ Distribution 60% ธุรกิจ Engineering 25-30% และธุรกิจ Telecom 10-15%
ในปีนี้ ธุรกิจ Distribution ยังคงมียอดขายเติบโตต่อเนื่อง จากการขยายตลาดเพื่อนำสินค้าสายสัญญาณออกไปจำหน่ายต่างประเทศ ได้แก่ พม่า ลาว มาเลเซีย และกัมพูชา เป็นต้น ขณะที่มีการทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องไปจนถึงปลายปีนี้ จากโครงการการสั่งซื้อสาย Optic Drop Wire Round FTTX IF บมจ.ทีโอที(TOT)มูลค่า 203.82 ล้านบาท และใบสั่งซื้อสายสัญญาณเพื่อใช้ในโครงการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ของ บมจ.เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง(PLE) มูลค่า 33.50 ล้านบาท
ส่วนธุรกิจ Engineering จะมีการรับรู้รายได้ที่เหลืออีก 150 ล้านบาท แบ่งเป็นงานโครงการจ้างเหมาก่อสร้างเคเบิ้ลใต้น้ำไปยังเกาะกูด เกาะหมาก จ.ตราด และงานโครงการจ้างเหมาก่อสร้างเคเบิ้ลใต้น้ำไปยังเกาะพงัน จ.สุราษฎร์ธานี
ขณะที่ธุรกิจ Telecom ที่ผ่านมาบริษัทได้งานติดตั้งโครงข่ายไฟเบอร์ออฟติกของ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น(TRUE) มูลค่า 180 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้รายได้ไปจนถึงกลางปี 59 และบริษัทฯก็อยู่ระหว่างการเจรจากับโอเปอร์เรเตอร์เพิ่มอีก 1 ราย คาดจะได้เห็นความชัดเจนในช่วงปลายปีนี้
พร้อมกันนั้น บริษัทยังลงทุน DATA Center แห่งใหม่ 2 แห่ง วางงบลงทุนไว้แห่งละ 600 ล้านบาท โดยแห่งแรกน่าจะเริ่มดำเนินาการก่อสร้างได้ภายในปีนี้และแล้วแล้วเสร็จในปี 59 ส่วนแห่งที่ 2 ที่จะก่อสร้างได้ในปี 59 แล้วเสร็จในปี 60 การลงทุนดังกล่าวบริษัทจะร่วมลงทุนกับ บมจ.แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี (AIT) ทั้งหมด
"ความต้องการใช้ดาต้า เซนเตอร์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้เรามีแผนที่จะขยายเพิ่มอีก 2 แห่ง ซึ่งแห่งแรกมีลูกค้าแจ้งความจำนงเข้ามาแล้วจำนวน 200 แรค จากพื้นที่ทั้งหมด 600 แรค คาดว่าจะใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 600 ล้านบาท โดยจะเป็นการลงทุนร่วมกันกับ AIT ซึ่งน่าจะทำให้รายได้ปีหน้าน่าจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ"นายณัฐนัย กล่าว
นายณัฐนัย กล่าวอีกว่า บริษัทยังรอเข้าประมูลงานโครงการก่อสร้าง Submarine Cable ไปยังเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี มูลค่างาน 1,686 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันรอเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา(ครม.)เพื่ออนุมัติเปิดประมูล รวมถึงโครงการก่อสร้าง Submarine Cable ไผยังเกาะสมุย Phase 4 มูลค่างาน 2,130 ล้านบาทรอเข้าครม.เช่นกัน คาดว่าน่าเปิดประมูลได้ภายในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า
อีกทั้งบริษัทอยู่ระหว่างรอผลประมูลงานสายไฟฟ้าแรงสูงของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มูลค่างาน 1,200 ล้านบาท คาดหวังจะได้รับงานราว 300 ล้านบาท ซึ่งน่าจะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงไตรมาส 4/58 ไปจนถึงปี 59 และเตรียมเข้าประมูลงานสายใต้ดินช่องนนทรีของการไฟฟ้านครหลวง มูลค่างาน 3,000 ล้านบาท ขณะนี้ได้ผ่าน TOR แล้ว และน่าจะประมูลอย่างเร็วที่สุดในเดือน ก.ย.นี้ และอย่างช้าเดือน พ.ย.58