อย่างไรก็ตาม บริษัทฯมีแผนงานที่จะกระจายความเสี่ยงของการให้สินเชื่อให้มีความสมดุลย์ โดยตั้งเป้ากระจายสินเชื่อเป็น 3 กลุ่มหลักๆ ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน คือ รถเกี่ยวนวดข้าว สินเชื่อเครื่องจักรกลเกษตรพืชไร่ และสินเชื่อบริการทางการเงิน และในปีนี้ได้เริ่มปล่อยสินเชื่อแบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และอยู่ระหว่างขอใบอนุญาตการประกอบธุรกิจนาโนไฟแนนซ์จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/58 บริษัทมีกำไรสุทธิ 12 ล้านบาท และสำหรับงวดครึ่งแรกของปี 58 มีกำไรสุทธิ 29 ล้านบาท ลดลง จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีจำนวน 16 ล้านบาท และ 32 ล้านบาทตามลำดับ ซึ่งผลการดำเนินงานที่ลดลงดังกล่าว มาจากปัญหาภัยแล้งที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจทำให้ลูกค้ากลุ่มเกษตรกรชะลอและ เลื่อนการขอสินเชื่อออกไป นอกจากนี้ ในไตรมาส 2/2558 บริษัทได้จัดแคมเปญ"ออกรถเกี่ยวเที่ยวญี่ปุ่น"ทำให้มีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นทันทีจำนวน 2.6 ล้านบาท ในไตรมาส 2/58 ส่วนการบันทึกรายได้จะทะยอยบันทึกในไตรมาสที่ 3/58 เป็นต้นไป
“ในช่วงไตรมาส 2 เป็นช่วงโลว์ชีซั่นของบริษัท ประกอบกับเกิดปัญหาภัยแล้ง ทำให้สินเชื่อเครื่องจักรกลทางการเกษตรชะลอตัวกว่าที่คาด บริษัทฯได้ปรับกลยุทธ์การเพิ่มบริการสินเชื่อใหม่ๆ เพิ่ม ขึ้น เป็นสินเชื่อเงินกู้ยืมมีหลักประกัน และสินเชื่อเสริมสภาพคล่อง โดยเน้นกลุ่มลูกค้าเดิมที่มีฐานข้อมูลอยู่แล้วและมีประวัติการชำระเงินดี ซึ่งช่วยให้ลูกค้ามีสภาพคล่องสามารถทำงานได้ต่อ เนื่อง อีก ทั้งยังเป็นการเพิ่มบริการทางการเงินของบริษัทฯอีกด้วย และคาดว่าตลาดเครื่องจักรกลทางการเกษตรจะฟื้นตัวได้ดีในครึ่งปีหลัง"นายสันติ กล่าว
บริษัทมีรายได้รวมในไตรมาส 2/58 อยู่ที่ 43 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 45 ล้านบาท ลดลง 2 ล้านบาท คิดเป็นลดลงร้อยละ 4.44 อัตราส่วนค่าใช้จ่ายรวมต่อรายได้รวมของบริษัทเพิ่มขึ้น โดยค่าใช้จ่ายรวมในไตรมาส 2/58 อยู่ที่ 18 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 42.78 ของรายได้รวม เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2/57 มีค่าใช้จ่ายรวมอยู่ที่ 16 ล้านบาท คิดเป็น 35.16% ของรายได้รวม
บริษัทมีรายได้รวมครึ่งปีแรกของปี 58 อยู่ที่ 90.09 ล้านบาท ขณะที่ครึ่งปีแรกของปี 57 มีรายได้รวม 90.62 ล้านบาท ลดลง 0.53 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 0.58% อัตราส่วนค่าใช้จ่ายรวมต่อรายได้รวมเพิ่มขึ้น โดยค่าใช้จ่ายรวมในครึ่งปีแรกของปี 58 อยู่ที่ 34.19 ล้านบาท คิดเป็น 37.95% ของรายได้รวม เมื่อเปรียบเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 57 ซึ่งมีค่าใช้จ่ายรวม 31.98 ล้านบาท คิดเป็น 35.29% ของรายได้รวม เนื่องจากการออกโปรแกรมส่งเสริมการขายที่เกิดขึ้นในไตรมาส 2/58 จำนวน 2.6 ล้านบาท กำไรสุทธิสำหรับครึ่งปีแรกของปี 58 จำนวน 29.74 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิสำหรับครึ่งปีแรกของปี 57 มีจำนวน 32.15 ล้านบาท ลดลงจำนวน 2.41 ล้านบาท คิดเป็น 7.50%
สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) ณ สิ้นไตรมาส 1/58 อยู่ที่ 12% ขณะที่สิ้นไตรมาส 2/58 อยู่ที่ 14% โดยที่บริษัทฯ มีสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสะสม เพียงพอกับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ดังกล่าว และเชื่อว่าภาวะภัยแล้งจะบรรเทาลง ประกอบกับช่วงไตรมาส 4/58 จะเป็นช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยว ซึ่งจะทำให้ลูกค้ามีรายได้จำนวนมากจะช่วยให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่กล่าวมาลดลงเหมือนเช่นทุกปีที่ผ่านมา