ประกอบกับเศรษฐกิจในประเทศที่ยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจน และความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมเริ่มชะลอตัวลง ซึ่งในช่วง 7 เดือนแรกปีนี้ยอดขายของบริษัททำได้ระดับ 9.94 พันล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อย
"การที่เราจะบรรลุเป้าหมายยอดขายตามเป้า 2.3 หมื่นล้านบาทนั้นจะต้องมีการทำงานหนักขึ้นในครึ่งปีหลัง ยิ่งเจอเหตุระเบิดเมื่อวานอีก ทำให้ Sentiment เริ่มมีโอกาสแย่ลงอีก ตอนนี้เป้าหมายที่ตั้งไว้ก็ยังมีความเสี่ยงที่อาจจะไม่ถึง แต่ว่ายังไม่ได้ปรับเป้าลดแต่อย่างใด ขอดูสถานการณ์อีกทีก่อน"นายไตรเตชะ กล่าว
นายไตรเตชะ กล่าวอีกว่า บริษัทอาจจะเลื่อนเปิดโครงการคอนโดมิเนียมในช่วงที่เหลือของปีนี้จำนวน 5 โครงการ มูลค่ารวม 1 หมื่นล้านบาท โดยอาจจะเลื่อนไปเปิดในปีหน้า จากเดิมที่จะเปิดในช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค.นี้ หากภาวะตลาดและสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้า เนื่องจากโครงการคอนโดมิเนียมเป็นโครงการที่ขายก่อนสร้างเสร็จ 2-3 ปี ทำให้ลูกค้ามีเวลาในการตัดสินใจซื้อนาน และปัจจุบันความต้องการโครงการคอนโดมิเนียมชะลอตัวลง อย่างไรก็ตามในส่วนการเปิดโครงการแนวราบยังคงเป็นไปตามแผนที่จะเปิดในช่วงครึ่งปีหลังอีก 8-9 โครงการ มูลค่ารวม 8 พันล้านบาท หลังยอดขายของโครงการแนวราบยังดีต่อเนื่อง
ส่วนกำไรสุทธิในปีนี้คาดว่าจะสูงขึ้นจากระดับ 4.48 พันล้านบาทในปีที่แล้ว เป็นไปตามการเติบโตของรายได้และการโอนโครงการที่เพิ่มมากขึ้น โดยบริษัทยังคงเป้ารายได้ในปีนี้ที่ระดับ 2.2 หมื่นล้านบาท หลังจากช่วงครึ่งปีแรกทำรายได้ไปแล้ว 1.01 หมื่นล้านบาท และในครึ่งปีหลังนี้จะทยอยโอนโครงการคอนโดมิเนียมอีก 4 โครงการ ได้แก่ โครงการศุภาลัย เวลลิงตัน ศุภาลัย พรีมา ริวา ที่ทยอยดอนต่อเนื่องจากไตรมาส 2/58 และในไตรมาส 4/58 จะมีการโอนโครงการศุภาลัย ไลท์ สาทร-เจริญราษฎร์ และโครงการที่หาดใหญ่ ซึ่งจะมีการโอนทั้งหมด 1.12 หมื่นล้านบาทในครึ่งปีหลัง จากปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 2.68 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ไปถึงปี 61
นอกจากนี้บริษัทยังมีแนวโน้มที่จะออกหุ้นกู้ในช่วงที่เหลือของปีอีก 1 ชุด โดยยังมีวงเงินที่เหลือจากการขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นราว 5 พันล้านบาท จากที่ขอไว้ 6 พันล้านบาท เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำในระดับ 2% ก็เป็นโอกาสที่ดีที่จะออกหุ้นกู้ เนื่องจากทำให้ต้นทุนทางการเงินลดลงจากปัจจุบันอยู่ที่ 3.6% โดยบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาความน่าสนใจและความเหมาะสมของช่วงเวลาและมูลค่าที่จะออกหุ้นกู้ชุดใหม่