โดยทั้ง 6 กองทุนอสังหาริมทรัพย์ เป็นการจ่ายเงินปันผลสำหรับรอบระยะเวลาบัญชี วันที่ 1 เมษายน–30 มิถุนายน 2558 ขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 26 สิงหาคม 2558 และประกาศจ่ายเงินปันผลในวันที่ 14 กันยายน 2558 ส่วนกองทุนCPTGF จ่ายเงินลดทุน ในวันที่ 15 กันยายน 2558
ทั้งนี้ 6 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน รวมเป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 1,245 ล้านบาท แบ่งเป็นกองทุนTTLPF จ่ายเงินปันผล จำนวนกว่า 67 ล้านบาท กองทุน CPTGF จ่ายเงินปันผลจำนวนกว่า 197 ล้านบาท กองทุน TRIF จ่ายเงินปันผล จำนวนกว่า 278 ล้านบาท กองทุน TCIF จ่ายเงินปันผล จำนวนกว่า 343 ล้านบาท กองทุน THIF จ่ายเงินปันผล จำนวนกว่า 222 ล้านบาท และกองทุน DTCPF จำนวน 137 ล้านบาท
กองทุน TTLPF ลงทุนในสิทธิการเช่าบางส่วนในโครงการตลาดไท ระยะเวลา 20 ปี (ปัจจุบันสัญยาเช่ามีอายุคงเหลือ16 ปี ) ประกอบด้วยอาคารตลาดน้ำปลาน้ำจืด/อาหารทะเล อาคารตลาดอาหารแปรรูป อาคารตลาดสด อาคารตลาดหมูปลอดสาร อาคารตลาดของแห้ง / ตลาดขนมใหม่ อาคารศูนย์อาหาร อาคารตลาดผัก อาคารตลาดดอกไม้ อาคารส้ม อาคารผลไม้คัดคุณภาพ อาคารผลไม้รวม โชว์รูมตลาดนัดมอเตอร์ไซด์ รถเข็นคุณภาพ อาคารห้องน้ำ อาคารสำนักงานตลาด (ภาคกลางคืน) อาคารเอนกประสงค์ ที่จอดรถ ลาน A และ ลาน B กองทุนมีมูลค่าโครงการประมาณ 1,949 ล้านบาท มีนโยบายการจ่ายปันผล 4 ครั้งต่อปี
กองทุน CPTGF ลงทุนในสิทธิการเช่าในที่ดิน และอาคารประเภทสำนักงานและศูนย์การค้าเป็นระยะเวลา 30 ปี ใน 3 ทำเล ได้แก่ อาคารซี.พี . ทาวเวอร์ 1 (สีลม) อาคารซี.พี. ทาวเวอร์ 2 (ฟอร์จูน ทาวน์ ) และอาคารซี.พี. ทาวเวอร์ 3 (พญาไท) กองทุนมีมูลค่าโครงการประมาณ 9,913 ล้านบาท ผู้เช่าเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพสูงมีความหลากหลายในประเภทของธุรกิจ ทั้งบริษัทเอกชนและหน่วยงานรัฐบาลและกองทุนมีนโยบายจ่ายเงินปันผลปีละ 4 ครั้ง
กองทุน TRIF มีนโยบายลงทุน (freehold) ในศูนย์การค้าจำนวน 7 แห่ง ได้แก่ โครงการศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์ พลาซ่า งามวงศ์วาน โครงการพันธุ์ทิพย์ พลาซ่า เชียงใหม่ โครงการพันธุ์ทิพย์ พลาซ่า บางกะปิ โครงการพันธุ์ทิพย์ พลาซ่า ประตูน้ำ โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ โครงการตะวันนา และโครงการโอ.พี.เพลส กองทุนมีมูลค่าโครงการประมาณ 21,190 ล้านบาท โดยมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละ1 ครั้ง
กองทุน TCIF มีนโยบายลงทุน แบบ Leasehold + Freehold โดยลงทุน Freehold ในโครงการ อาคารอินเตอร์ลิงค์ ทาวเวอร์ อาคารเอ็มไพร์ อาคารไซเบอร์ เวิร์ลด และอาคาร 208 และสิทธิการเช่าในที่ดิน (Leasehold) สำหรับอาคารแอทธินี โดยมีมูลค่าโครงการทั้งสิ้นประมาณ 27,672 ล้านบาท และมีนโยบายการจ่ายเงินปันผล ปีละ2 ครั้ง
กองทุน THIF ลงทุนในโรงแรม จำนวน 12 แห่ง ตั้งอยู่ทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด ประกอบด้วย 1) โรงแรม อิมพีเรียล สมุย บีช รีสอร์ท 2 )โรงแรม อิมพีเรียล โบ๊ท เฮ้าส์ บีช รีสอร์ท 3) โรงแรมอิมพีเรียล ควีนส์ปาร์ค 4)โรงแรมเมโทรโพล ภูเก็ต 5) โรงแรมเลอ เมอริเดียน กรุงเทพ ถ. สุรวงศ์ เขตบางรัก 6) โรงแรม บันยันทรี สมุย 7)โรงแรมวนาเบลล์ เอ ลักซ์ซูรี คอลเล็คชั่น รีสอร์ท เกาะสมุย 8) โรงแรม ฮิลตัน สุขุมวิท กรุงเทพฯ 9) โรงแรมดับเบิ้ลทรี ฮิลตัน กรุงเทพ 10) โรงแรม เลอ เมอริเดียน เชียงใหม่ 11) โรงแรม โอกูระ เพรสทีส กรุงเทพ และ12 )โรงแรมพลาซ่า แอทธินี กรุงเทพ กองทุนนี้เป็นกองทุนอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ถือว่าเป็นทรัพย์สินที่ดี มีศักยภาพในการเจริญเติบโตของรายได้ในอนาคต ด้วยทำเลที่ตั้งทั้งอยู่ใจกลางเมือง และเขตธุรกิจในกรุงเทพ และรวมถึงต่างจังหวัดที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศไทย โดยกองทุนนี้มีมูลค่าโครงการ 28,459 ล้านบาท มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
กองทุน DTCPF ลงทุนโดยการในกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน Freehold) ของโรงแรมดุสิตธานี ลากูน่า ภูเก็ต โรงแรมดุสิตดีทู เชียงใหม่ และการลงทุนในสิทธิการเช่าในทรัพย์สิน (Leasehold) ของโรงแรมดุสิตธานี หัวหิน เพื่อนำไปให้เช่าและเช่าช่วง โดยกองทุนมีมูลค่าโครงการ 4,387 ล้านบาท กองทุนมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 125 ( KTSUPB125) เสนอขายตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 25 สิงหาคม 2558 อายุ 3 เดือน เน้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ประเภทเงินฝากประจำ China Construction Bank ,เงินฝากประจำ Bank of China,MTN ที่ออกโดย Banco Santander (Brasil) S.A. ,และMTN ที่ออกโดย BLADEX ในสัดส่วน 82 % ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนตราสารใน ประเทศ ประเภทตั๋วแลกเงิน ของบมจ.บัตรกรุงไทย ผลตอบแทนประมาณ 1.50% ต่อปี