"ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ประจำปี 2558 ของบริษัทเป็นผลมาจากบริษัทได้ขยายช่องทางและสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับพันธมิตรธุรกิจ ตลอดจนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า ทำให้สามารถเพิ่มยอดเบี้ยประกันภัยได้อย่างต่อเนื่องอีกทั้งบริษัทยังมุ่งเน้นการพัฒนาระบบการให้บริการให้มีประสิทธิภาพมาก รวมทั้งการพัฒนาบุคคลากรของบริษัทฯอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทฯ จะดำเนินการเช่นนี้ตลอดไป"นางนวลพรรณ กล่าว
นางนวลพรรณ กล่าวว่า ผลการดำเนินงานสำหรับงวดครึ่งแรกของปีนี้ บริษัทมีผลประกอบการที่ดีมากทั้งเบี้ยประกันภัยรับรวมและกำไรสุทธิ โดยมีผลกำไรสุทธิสูงถึง 512 ล้านบาท ซึ่งเป็นกำไรที่สูงสุดในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้น 8.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทสามารถสร้างผลกำไรที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและดำเนินธุรกิจด้วยนโยบายเน้นความมั่นคงเข้มแข็งมาโดยตลอด
ขณะที่มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 5,273 ล้านบาท สูงขึ้น 10.7% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากความพยายามในหลายด้านด้วยกัน โดยเฉพาะการปรับกลยุทธ์การจำหน่าย การออกแบบและกำหนดสัดส่วนผลิตภัณฑ์อย่างเหมาะสมระหว่างการประกันภัยรถยนต์และการประกันภัยทั่วไป เน้นการบริหารช่องทางการขาย การวางแผนการประกันภัยต่อ การกำหนดต้นทุนขายที่เหมาะสมและการบริหารระดับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้สมดุลกับรายได้ที่เกิดขึ้น
สำหรับเบี้ยประกันที่ถือเป็นรายได้สำหรับปีมีจำนวน 2,944 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้รายได้ค่าจ้างและบำเหน็จก็ยังเพิ่มขึ้นเป็น 663.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.7% จากปีที่ผ่านมา เนื่องมาจากการจัดโครงสร้างการประกันภัยต่อให้สอดรับกับความเสี่ยงในการรับประกันภัยซึ่งมีการขยายตัวอย่างมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา รวมถึงมีรายได้และผลกำไรจากการลงทุนในหลักทรัพย์รวม 239 ล้านบาท
ด้านค่าใช้จ่ายทั้งหมดของบริษัทประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัย ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เงินสมทบฯ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ มีจำนวน 3,205 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายในปีก่อนได้รวมการกลับรายได้สินไหมน้ำท่วมลดลงจำนวน 45 ล้านบาท ดังนั้นหากเทียบค่าใช้จ่ายตามปกติที่ไม่รวมน้ำท่วมของทั้งสองงวด ค่าใช้จ่ายของบริษัทเพิ่มขึ้นน้อยกว่ารายได้รวมที่เพิ่มขึ้น
นางนวลพรรณ กล่าวอีกว่า สำหรับแผนพัฒนาด้านช่องทางการจำหน่ายของบริษัทนั้น จะยังคงมุ่งเน้นความสะดวกแก่ลูกค้าเพื่อซื้อประกันภัยประเภทต่างๆ ได้จากทุกช่องทาง ซึ่งบริหารเป็นช่องทางที่หลากหลาย ทั้งในส่วนของช่องทางธุรกิจตัวแทน ซึ่งในครึ่งปีที่ผ่านมา มีจำนวน 5,400 ราย และสำนักงานตัวแทนทั่วประเทศ จำนวน 215 แห่ง ,ช่องทางธุรกิจนายหน้า ,ช่องทางธุรกิจขายตรง ,ช่องทางพันธมิตรรถยนต์ ,ช่องทางพันธมิตรธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์ ,ศูนย์บริการลูกค้า
นอกจากนี้จากยอดขายที่ซบเซาของอุตสาหกรรมยานยนต์นั้น ทำให้บริษัทฯ ได้มีการออกแคมเปญสำหรับประกันภัยรถยนต์เป็นระยะๆ เพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่มีการใช้งานหลากหลาย เป็นต้น