ดังนั้น บริษัทจึงคาดว่าแนวโน้มผลประกอบการช่วงครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก โดยมองว่าภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างน่าจะมีความคึกคักมากขึ้น เนื่องจากภาครัฐฯมีการเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณโครงการลงทุนต่างๆ อาทิ โครงการทำถนน โครงการปรับถนน โครงการวางท่อระบายน้ำ เห็นได้จากปริมาณงานในมือ (Backlog) ที่เพิ่มสูงขึ้นมาอยู่ที่ 2.3 พันล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ 60-70% และที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปี 59 ทั้งหมด
นอกจากนี้ บริษัทฯยังได้มีการเสนองานใหม่ให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีการเสนอไปแล้วราว 700-800 ล้านบาท โดยคาดว่าจะได้งานราว 60-70% แบ่งเป็นงานภาครัฐฯ 70% และ ภาคเอกชน 30%
อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการในปีนี้ยอมรับว่ากำไรสุทธิอาจจะต่ำกว่าปีก่อนที่ทำได้ 155.24 ล้านบาท เนื่องจากภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในครึ่งปีแรก และงานภาครัฐล่าช้าออกไป ประกอบกับ มีการแข่งขันค่อนข้างสูง ทำให้งานส่วนใหญ่ที่บริษัทรับมานั้นมีอัตรากำไรที่ไม่สูงนัก
"ปีนี้กำไรคงต่ำกว่าปีก่อนเพราะงานที่รับมาก่อนหน้านี้มีมาร์จิ้นค่อนข้างต่ำ และในช่วงครึ่งปีแรกผลประกอบการออกมาไม่ดีนัก แต่อย่างไรก็ตามผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้น เพราะงานที่มีมาร์จิ้นต่ำรับรู้รายได้มาพอสมควรแล้ว และเรายังมีการยื่นเสนองานใหม่อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันเราก็ได้มีการเจรจาพันธมิตรท้องถิ่นในพม่าและลาวเพื่อนำสินค้าไปจำหน่าย จะทำให้เราเริ่มมีรายได้จากต่างประเทศเข้ามาเป็นครั้งแรกในไตรมาส 4/58"นายอาทิตย์ กล่าว