นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เปิดเผยว่า วันนี้เวลา 11.00 น. ทีมนักกฎหมายของสมาคมฯได้ร่วมกับชาวระยองกว่า 100 คนร่วมลงชื่อฟ้องกฟผ. ผู้ถูกฟ้องที่ 1 และกกพ. ผู้ถูกฟ้องที่ 2 ต่อศาลปกครองระยอง ฐานกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ กรณีมีการกำหนดแนวเส้นสายส่งไฟฟ้าแรงสูงขนาด 230 กิโลโวลต์ จากเขตประกอบการอุตสาหกรรมไออาร์พีซี เชิงเนิน-บ้านค่าย-จันทบุรี
ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากการที่กกพ. และ กฟผ. ได้ประกาศกำหนดเขตแนวสายไฟฟ้าแรงสูงผ่าเข้าไปในพื้นที่ชุมชนและสวนผลไม้ขึ้นชื่อของชาวตำบลบ้านแลง ตำบลตะพง ตำบลนาตาขวัญ อำเภอเมือง และตำบลซากบก อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง โดยที่ชาวบ้านไม่รู้เรื่องมาก่อน เป็นการใช้อำนาจทางปกครองโดยพละการ อีกทั้งไม่เปิดโอกาสให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเลือกแนวเส้นทางอื่นที่มีผลกระทบน้อยกว่า เนื่องจากชาวบ้านหวาดผวากับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมามากมาย ทั้งการทำลายสวนผลไม้เก่าแก่ขึ้นชื่อของชาวระยองตลอดแนวเส้นทางกว้าง 40 เมตรจะถูกตัดโค่นทิ้งทั้งหมดและห้ามปลูกไม้ยืนต้น ที่สำคัญมีรายงานผลการวิจัยทั้งในและต่างประเทศยืนยันตรงกันว่าผู้ที่มีบ้านเรือนหรืออยู่อาศัยใกล้แนวสายส่งไฟฟ้าแรงสูงระยะ 300 เมตรมีโอกาสเป็น “โรคมะเร็ง" มากกว่าคนอื่นถึง 3-5 เท่าอีกด้วย
โดยชาวบ้านทั้ง 4 ตำบลของจังหวัดระยองยืนยันชัดเจนว่า กฟผ. และ กกพ. ต้องเปิดโอกาสให้ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ และต้องมีการจัดทำ EIA ตามที่คณะรัฐมนตรีเคยกำหนด และต้องการให้โรงไฟฟ้าบมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) ต้นเหตุของปัญหาขนาด 90 เมกะวัตต์ทั้ง 2 โรงที่อยู่ในเขตประกอบการอุตสาหกรรมไออร์พีซีจัดทำ EIA ด้วยเช่นกัน หากไม่ยอมเปลี่ยนแนวเส้นทางไปยังแนวอื่นที่มีผลกระทบน้อยที่สุดและข้อเสนออื่นตามที่ชาวบ้านเสนอ ชาวบ้านก็พร้อมที่จะปักหลักสู้จนถึงที่สุด
ทั้งนี้ สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ได้ขอให้ศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 เพิกถอนประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เรื่อง กำหนดเขตระบบโครงข่ายไฟฟ้า 230 กิโลโวลต์ เชิงเนิน – จุดเชื่อมระบบโครงข่ายไฟฟ้า 230 กิโลโวลต์ บ้านค่าย – จันทบุรี ซึ่งประกาศ ณ วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ.2557 และเสนอให้ กฟผ. ดำเนินการสำรวจแนวเส้นทางที่เหมาะสมใหม่ โดยกระบวนการศึกษาและการพิจารณาต้องผ่านกระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ และให้นำข้อเสนอของประชาชนมาประกอบการเลือกแนวเส้นทางด้วย
นอกจากนี้ยังขอให้ศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และหรือที่ 2 ดำเนินการอย่างใด ๆ เพื่อประกาศเปลี่ยนแปลงเขตแนวสายส่งไฟฟ้าแรงสูงใหม่ ให้เป็นเส้นตรงในลักษณะที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อที่อยู่อาศัย ทรัพย์สิน ไม้ยืนต้น และสวนผลไม้ของผู้ฟ้องคดีให้น้อยที่สุด โดยให้นำข้อเสนอของประชาชนมาประกอบการเลือกแนวเส้นทางด้วย และให้เปิดเผยข้อมูลรายละเอียดการศึกษาแนวเส้นทาง 4 เส้นทาง รวมทั้งข้อดี ข้อเสีย ของเส้นทางดังกล่าวให้ประชาชนได้รับทราบเพื่อใช้ในการประกอบการพิจารณาเลือกแนวเส้นทางใหม่ที่เหมาะสม
รวมถึงขอให้ศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และ IRPC จัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้เป็นที่ยอมรับของประชาชนและหรือผู้ฟ้องคดีที่เป็นไปตามหลักวิชาการตามมติของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ.2554 ที่เกี่ยวเนื่องจากโครงการสายส่งไฟฟ้าแรงสูงและโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าทั้ง 2 โรงของ IRPC ในพื้นที่เขตประกอบการอุตสาหกรรมไออาร์พีซีด้วย