ทั้งนี้ SUPAVUT เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ครบวงจร และทำงานร่วมกับลูกค้าตั้งแต่การออกแบบผลิตภัณฑ์ สร้างแม่พิมพ์ ผลิต พ่นสี รวมทั้งการมีพันธมิตรต่างประเทศที่ให้การสนับสนุนด้านเทคโนโลยี สามาถตอบสนองผู้ผลิตรถยนต์ในระดับโลก ทำให้เชื่อได้ว่าบริษัทมีศักยภาพในการแข่งขัน และสามารถเติบโตในตลาดได้อย่างต่อเนื่อง
ด้านนางมะลิ ผิวทอง ประธาน SUPAVUT กล่าวว่า จากการที่ประเทศไทยก้าวขึ้นมาเป็นผู้ผลิตรถยนต์ 1 ใน 10 ของโลก เป็นผู้นำในการผลิต การวิจัย และพัฒนาของเอเชียแปซิฟิค มีมาตรการสิ่งเวดล้อมที่เข้มงวดเทียบเท่ามาตรฐานยุโรป มีความต้องการชิ้นส่วนยานยนต์เพิ่มขึ้น SUPAVUT ได้เติบโตพร้อมกับลูกค้าผู้ผลิตรถยนต์ โดยในอนาคตเรามีเป้าหมายที่จะเพิ่มยอดขายสู่ระดับ 5,000 ล้านบาท ในปี 2563 หรือเพิ่มขึ้นอีก 5 เท่าจากปีนี้
และยังมีแผนในการขยายโรงงานเพื่อรองรับกำลังการผลิตของลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ ตลอดทั้งการลงทุนในเครื่องจักรที่ทันสมัย เพิ่มประสิทธิภาพแบบ Automation เพื่อลดต้นทุนการผลิต นำระบบ ERP มาบริหารการผลิตปรับการผลิตเป็นระดับ Agile Production ลงทุนงานด้านการค้นคว้าและวิจัย และออกแบบผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างครบวงจร เพื่อเป็น 1 stop service สำหรับชิ้นงานด้านพลาสติก
ที่ผ่านมา SUPAVUT ได้รับการรับรองมาตรฐานโลกจากผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำ และเป็นผู้ผลิตเพียงไม่กี่รายที่มีการผลิตครบวงจร ทำงานร่วมกับลูกค้าตั้งแต่การออกแบบ และมีพันธมิตรต่างประเทศที่ให้การสนับสนุนด้านเทคโนโลยี สามารถตอบสนองผู้ผลิตรถยนต์ได้ในระดับโลก และส่งเสริมการผลิตที่ไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมทำให้บริษัทได้ยกระดับเป็น Global Supplier อย่างสมบูรณ์
สำหรับแผนธุรกิจ บริษัทมีเป้าหมายที่จะมุ่งเป็นอันดับ 1 ในฐานะผู้รับจ้างผลิตชิ้นงานพลาสติกในอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทย เพื่อตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้า โดยวางกลยุทธ์ในการสร้างศูนย์ค้นคว้าและวิจัย การออกแบบผลิตภัณฑ์ และสร้างแม่พิมพ์เองเพื่อสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของการค้นคว้าวิจัย ซึ่งการระดมทุนใน SET จะเป็นการเพิ่มโอกาสสร้างยอดขายให้กับ SUPAVUT ตลอดทั้งช่องทางในการเพิ่มศักยภาพการผลิตให้ตอบสนองต่อเทคโนโลยีของลูกค้าที่พัฒนาสูงขึ้น
นางมะลิ กล่าวถึงมุมมองแนวโน้มธุรกิจผลิตชิ้นส่วนรถยนต์นั้น จากการผลิตรถยนต์ในกลุ่มประเทศอาเซียนที่มีแนวโน้มสูงขึ้น และประเทศไทยได้กำหนดกลยุทธ์การมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางของผู้ผลิตรถยนต์ การส่งออกและแลกเปลี่ยนชิ้นส่วนยานยนต์ภายใต้ข้อตกลงเสรีอาเซียนที่จะมีผลในปีนี้ ซึ่งประเทศไทยมีสัดส่วนประมาณ 50% ของตลาดอาเซียน และนโยบายการผลิตแบบผลิตแหล่งเดียวแต่ส่งชิ้นส่วนไปประกอบในภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลกด้วย (Global supply base) ของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ ได้ช่วยผลักดันให้ที่ผ่านมา SUPAVUT มีผลประกอบการเติบโตขึ้นทุกปีตามอัตราส่วนการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยในปีที่ผ่านมา SUPAVUT มียอดขายมากกว่า 1,000 ล้านบาท