สำหรับค่าเงินบาทที่อ่อนตัว กระทบเรื่องของต้นทุนบริษัทที่มีการนำเข้าวัตถุดิบในรูปดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ในปีนี้ค่าเงินบาทอ่อนตัวลง สวนทางกับบริษัทฯที่มีกำไรเพิ่มขึ้น เพราะทีมงานบริษัทฯมีศักยภาพและใช้เครื่องมือทางการเงินในการเข้าดูแลต้นทุนและบริหารงานได้ดีกว่าคู่แข่ง ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวมากนัก
"ราคาสินค้าโภคภัณฑ์รวมถึงราคาถั่วเหลืองยังอยู่ในช่วงราคาที่ต่ำและความผันผวนของราคาเมล็ดในปีนี้ค่อนข้างน้อยบ่งบอกว่า TVO สามารถบริหารจัดการได้ง่ายกว่าในสถานการณ์ที่ความผันผวนน้อย ประกอบกับค่าเงินบาทอ่อนตัวเป็นปัจจัยส่งเสริมให้การส่งออกไก่เพิ่มขึ้น ซึ่งการเลี้ยงสัตว์ที่มีการเติบโต โดยเฉพาะไก่เนื้อเพื่อการส่งออก ทำให้ความต้องการการใช้กากถั่วเหลืองขยายตัวตามไปด้วย แม้ว่าเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำกว่าคาด แต่การเลี้ยงสัตว์ยังขยายตัวดี"นายวิทูร กล่าว
นายวิทูร กล่าวอีกว่า ปัจจุบันบริษัทฯมีกำลังการผลิตประมาณ 6 พันตัน/วัน โดยมีการใช้กำลังการผลิต 80% และหากสามารถขยายตลาดไปยังต่างประเทศได้เพิ่มขึ้น ก็เชื่อว่ากำลังการผลิตจะยังคงมีเพียงพอรองรับได้ โดยปัจจุบันสนใจการขยายตลาดสู่เพื่อนบ้าน ในประเทศกัมพูชา ลาว และเมียนมาร์ เนื่องจากเป็นประเทศที่ไม่มีเครื่องสกัดเป็นของตัวเอง โดยขณะนี้สามารถขายได้แล้วบางส่วน ขณะที่ตั้งเป้าหมายใน 3-5 ปี จะมีสัดส่วนการส่งออกเพิ่มเป็น 10-15% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนการส่งออกอยู่ 6%
"เรามีแผนการขยายสัดส่วนการส่งออกเพิ่มเป็น 10-15% ใน 3-5 ปีข้างหน้า แต่เรายังไม่มีแผนลงทุนใหญ่ๆในระยะเวลาอันใกล้ โดยมีเพียงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตเพียงเล็กน้อย เพื่อต่อยอดการผลิตให้มั่นคง และกำลังการผลิตที่เหลืออีก 20% ยังถือว่าเพียงพอ"นายวิทูร กล่าว