"มข.เปลี่ยนมาใช้รถ NGV 5 สายซึ่งเราจะใช้เป็นฐานในการ R&D ระบบขนส่งมวลชน และภายใน 1 ปีจะต้องได้ ISO9001"นายสุรเดช กล่าว
พร้อมกันนั้น บริษัทยังมองโอกาสต่อยอดธุรกิจจากงานดังกล่าว โดยเฉพาะจากนำแอพพลิเคชั่นมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการให้บริการเดินรถ ทำให้ผู้โดยสารสามารถรู้ระยะเวลาที่รถจะมาถึง เส้นทางเดินรถ และข้อมูลอื่น ๆ ซึ่งบริษัทสามารถหารายได้จากการโฆษณาได้ เนื่องจากจำนวนผู้ใช้บริการใน มข.คาดการณ์ไว้ที่ 8 หมื่นคน หากโหลดใช้แอพพลิเคชั่นนี้มาใช้สัก 6 หมื่นคนก็มีโอกาสทำรายได้จากการโฆษณาได้มาก
นายสุรเดช กล่าวว่า สำหรับโครงการจัดซื้อรถเมล์ NGV ล็อตแรกจำนวน 489 คันขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.)นั้น ล่าสุดเช้านี้ ขสมก.ระบุว่าจะมีการเซ็นสัญญาในวันที่ 15-16 ก.ย.58 หลังจากศาลสั่งไม่รับฟ้องคดีที่บริษัท เบสท์รินกรุ๊ป จำกัด ยื่นฟ้องการประมูลโครงการดังกล่าว
"หากเราเซ็นสัญญาแล้วเสร็จในเดือนกันยายน เราก็จะสามารถรับรู้รายได้ทั้งหมดในปีนี้ตามแผน แต่หากมีการล่าช้าออกไป คงมีรายได้บางส่วนที่จะไปรับรู้ในปี 59"นายสุรเดช กล่าว
ทั้งนี้ หากได้รับงานโครงการดังกล่าวเข้ามาอย่างเป็นทางการ บริษัทก็จะทบทวนเป้าหมายรายได้ในปีนี้อีกครั้ง แต่ขณะนี้ยังคงเป้าการเติบโตไว้ที่ไม่ต่ำกว่า 10% ส่วนกำไรนั้นยังอาจมีรายการพิเศษเข้ามาเพิ่มเติม เนื่องจากบริษัทมีแผนจะแบ่งขายที่ดินใหม่ที่ซื้อเข้ามา 280 ไร่ที่จะใช้ขยายโรงงานใหม่ภายในจังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นที่ดินที่เกินความจำเป็นประมาณ 30-70 ไร่ในราคาที่มีกำไรไร่ละกว่า 1 ล้านบาท
นายสุรเดช กล่าวอีกว่า บริษัทยังมีการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง หลังจากได้ริเริ่มโครงการพัฒนาหุ่นยนต์อุตสาหกรรม VR7 ซึ่งขณะนี้ได้รับรางวัลด้านนวัตกรรมแห่งชาติ เป็นการการันตีว่าประสบความสำเร็จแล้ว คาดว่าจะใช้เวลาอีก 1-2 ปีจะสามารถผลิตเป็นสินค้าออกมาวางจำหน่ายได้